สงขลาใช้ประสบการณ์จากคิงส์คัพ ลุยจัดซีเกมส์-อีกหลายอีเวนต์ ปีหน้า
การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ที่สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา ปิดฉากไปเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม รายการนี้มี ทีมชาติไทย, ซีเรีย, ทาจิกิสถาน, ฟิลิปปินส์ ซึ่งการจัดครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีในแง่ของผู้ชม ที่เข้ามาชมเต็มสนาม โดยเฉพาะวันชิงชนะเลิศ ที่ตั๋วขายหมดล่วงหน้า 3 วัน แต่มีปัญหาฝนตกหนักระหว่างแมตช์แข่งขัน
นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในฐานะประธานอำนวยการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 กล่าวว่า สำหรับเรื่องฝนนั้น จริงๆ แล้วในพื้นที่นี้ ครึ่งเดือนแรกของต.ค. เป็นการย่างเข้าฤดูฝน และจะเข้าฤดูฝนจริงๆ ปลายเดือน ตุลาคม ต่อด้วยพฤศจิกายน, ธันวาคม ทั้งเดือน และจะหมดช่วงต้นเดือนมกราคม ซึ่งทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เห็นข้อบกพร่องจากนัดแรกก็มาปรับแก้ไข
นายสุพิศกล่าวอีกว่า สำหรับในปีหน้า ปี 2568 ตนตั้งใจจัดอีเวนต์ใหญ่ของกีฬา 4-5 อีเวนต์ อย่างแรกคือ ตั้งใจว่าจะต้องเชิญ 2 ยอดสโมสร 2 ประเทศ คือ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยอดทีมไทยลีก และ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม มหาอำนาจลูกหนังมาเลเซีย มาแข่งขันที่สงขลาให้ได้ ตนเองจะต้องไปเรียนเชิญ และขอความอนุเคราะห์จาก นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบุรีรัมย์ ส่วนทาง ยะโฮร์ นั้น ได้ประสานผู้ใหญ่ภาคใต้ผ่านไปยังทีมแล้ว ส่วนรายการอื่นคือฟุตบอลภายในจังหวัด “สงขลา คัพ” ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก มี 4 รุ่น แข่งตั้งแต่ระดับอำเภอ มาจังหวัด เงินรางวัลหลักล้านบาท ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน นอกจากนี้ยังจะประสานทีม สงขลา เอฟซี ทีมในไทยลีก 3 เพื่อจัดแมตช์ใหญ่ ส่วนอีเวนต์อื่นคืองานวิ่ง สงขลา มาราธอน รวมทั้งจัดวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย มาแข่งขันที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ประสานทางสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยแล้ว
เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมจัดการแข่งขันซีเกมส์ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนธันวาคม ปีหน้า และ สงขลา เป็นหนึ่งในจังหวัดที่จัดแข่งขัน นายสุพิศ กล่าวว่า ซีเกมส์เป็นความรับผิดชอบของทางจังหวัดสงขลา ตนเองตอนนี้เป็นคณะกรรมการกีฬาสงขลา และเป็นคณะทำงานที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง แต่สมัยผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ยังไม่ทราบนโยบานขับเคลื่อน ต้องอยู่ที่แนวทางของพ่อเมือง ส่วนการที่เป็นฤดูฝนนั้นมีผลกระทบกับซีเกมส์แน่นอน แต่ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งสำหรับฟุตบอลคิงส์คัพ ที่ผ่านไปนั้น นับเป็นประสบการณ์ชั้นดีที่สู่การจัดซีเกมส์ และอีเวนต์ต่างๆ ในอนาคต