หมายเหตุ – นายอู๋ จื้ออู่ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ให้สัมภาษณ์เนื่องในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 จะเป็นวันครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
⦁มองการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาอย่างไร
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝ่าย สิ่งที่มีคุณค่าน่าจดจำที่สุดคือ “มิตรภาพที่สืบทอดมาโดยตลอด” แรงผลักดันที่แข็งแรงที่สุดคือ “ความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน” ความเห็นที่พ้องต้องกันมากที่สุดคือ “การพัฒนาร่วมกัน” และความปรารถนาที่หยั่งรากลึกที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ดีแบบพี่น้องกัน ดังที่คอลัมน์ “มติชน” กล่าวไว้ว่า “ทั้งสองฝ่ายได้ก้าวเดินบนเส้นทางสีทองซึ่งมีผลสำเร็จที่จับต้องได้ในยุคปัจจุบันและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายในอนาคต”
ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและเป็นมิตรระหว่างจีนและไทยได้รับการเชิดชูและดูแลเอาใจใส่อย่างประณีตจากผู้นำจีนและไทยทุกยุคสมัย รวมถึงจากสมาชิกราชวงศ์ไทยทุกพระองค์ ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในความเคารพซึ่งกันและกันและการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างมั่นคงในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนา และสนับสนุนซึ่งกันและกันในการเลือกเส้นทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ จีนเป็นหุ้นส่วนทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยเป็นเวลา 12 ปีติดต่อกัน และปริมาณการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นจาก 25 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการทูต จนถึงมากกว่า 130,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน
จีนยังเป็นประเทศแหล่งลงทุนสำคัญที่สุดของไทยและตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุด จีนสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการยกระดับอุตสาหกรรมของไทย และยินดีที่จะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของจีนที่มีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่พิเศษเพื่อขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรคุณภาพสูงของไทยไปยังจีน
ประชาชนของทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดและมีความรู้สึกที่ดีต่อกันโดยธรรมชาติ ในปี 2024 จีนและไทยจะก้าวเข้าสู่ “ยุคฟรีวีซ่า” ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่สำหรับความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนมิตรภาพที่เป็นประโยชน์ต่อกันระหว่างทั้งสองประเทศ จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับไทยเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้รู้จักกันอย่างแท้จริงมากขึ้น เข้าใจกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และมีความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
⦁ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจระดับโลกและการเมืองที่ซับซ้อนและมีความไม่แน่นอนสูง จีนและไทยควรจะรักษาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้มีความยั่งยืนและเป็นผลประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร
ภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้เข้าสู่ยุคใหม่ของการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันและแสวงหาการพัฒนาและการฟื้นฟูความเจริญก้าวหน้าร่วมกัน เราเชื่อว่า “พี่น้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะมีพลังแข็งแกร่งสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ นานาได้” เราต้องเสริมสร้างรากฐานทางการเมืองที่เป็นมิตร สนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างมั่นคง และรับมือกับความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมภายนอกด้วยความมั่นคงและความแน่นอนของความสัมพันธ์จีน-ไทย ทั้งสองฝ่ายควรประสานยุทธศาสตร์การพัฒนาให้สอดรับกัน ขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกัน ดำเนินโครงการสำคัญ เช่น โครงการทางรถไฟจีน-ไทยต่อไป และส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จมากขึ้นโดยเร็วที่สุด ขยายความร่วมมือในสาขาใหม่และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและราบรื่นยิ่งขึ้น เสริมสร้างความมั่นคงในการบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือด้านกระบวนการยุติธรรม ปกป้องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และรักษาระเบียบการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค จีนยินดีที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อนำภูมิปัญญาของอารยธรรมตะวันออกมาใช้ให้เต็มที่ ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์และการพัฒนานวัตกรรมของวัฒนธรรมอันยอดเยี่ยมของกันและกัน และแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและบทบาทอันเป็นเอกลักษณ์ของ “ซอฟต์พาวเวอร์ของเอเชีย” ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนก็จะยังคงเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้และไว้ใจได้ของไทย เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในอีก 50 ปีข้างหน้าไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง และร่วมเขียนบทใหม่แห่ง “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”
⦁ทั้งสองประเทศมี ‘โอกาสใหม่’ ใดบ้างที่เอื้อต่อการผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป
เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศและในภูมิภาคในปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างจีนและไทยได้ก้าวข้ามขอบเขตความสัมพันธ์ทวิภาคีไปแล้ว และมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และส่งอิทธิพลในระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการพัฒนาของจีนและไทยเป็นโอกาสของกันและกัน จีนและไทยกำลังก้าวสู่อนาคตโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เสริมสร้างการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน และผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยเพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้จีนและไทยบรรลุผลสำเร็จเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาในภูมิภาคและโลกอีกด้วย
จีนเป็นหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุดของกว่า 150 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยมีส่วนสนับสนุนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกอยู่ที่ประมาณ 30% และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจากต่างประเทศในจีนยังคงอยู่ที่มากกว่า 9% มาโดยตลอด นอกจากนี้ จีนยังเป็นตลาดผู้บริโภคสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก โดยมีมูลค่าเกือบ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การพัฒนาของจีนจะส่งผลดีและเป็นแรงขับเคลื่อนของประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปี 2025 จะเป็นปีสุดท้ายของ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14” ของจีน เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไป จีนจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งขันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเต็มใจที่จะขยายการเปิดประเทศรวมถึงการเปิดประเทศฝ่ายเดียวต่อประเทศเพื่อนบ้านต่อไป เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์จากการพัฒนามากขึ้น จีนขอต้อนรับประเทศไทยในการใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของจีน
จีนและไทยมีศักยภาพมหาศาลในการร่วมมือกันในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ ห่วงโซ่อุปทานของทั้งสองประเทศมีการบูรณาการกันอย่างลึกซึ้ง โดยที่บริษัทไฮเทค การผลิตยานยนต์ พลังงานใหม่ และบริษัทอื่นๆ ของจีนได้เข้ามาลงทุนและพัฒนาธุรกิจที่ประเทศไทย สิ่งนี้มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถนำ 5G มาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ ช่วยให้ประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวได้ และสร้างศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค จีนมีความยินดีและพร้อมร่วมมือกับฝ่ายไทยในการวางแผนความร่วมมือทวิภาคีจากมุมมองการพัฒนา ใช้ประโยชน์จากตลาดอันกว้างใหญ่ของจีน และใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านนวัตกรรมของจีนในด้านอีคอมเมิร์ซ ดิจิทัล พลังงานใหม่ และสาขาอื่นๆ เพื่อให้บรรลุการพัฒนาของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อมองไปสู่อนาคต จีนยินดีที่จะทำงานร่วมกับฝ่ายไทยเพื่อบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทย โดยใช้โอกาสอันมีค่าในการพัฒนาร่วมกันของทั้งสองประเทศ และร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น