จิตอาสาเฉพาะกิจงานพระบรมศพฯ รับสิ่งของพระราชทานวันแรกคึกคัก

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 ตุลาคม ที่อาคารรับรองสนามเสือป่า พระราชวังดุสิต พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธานในพิธีมอบสิ่งของพระราชทานแก่จิตอาสาเฉพาะกิจงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับใช้ในกิจกรรมจิตอาสาเฉพาะกิจระหว่างวันที่ 18-31 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ประชาชนจิตอาสาเฉพาะกิจเข้ารับพระราชทานสิ่งของ ณ โรงละคร สนามเสือป่า สำนักพระราชวัง

โดยสิ่งของพระราชทาน ประกอบด้วย บัตรประจำตัวจิตอาสา เสื้อโปโลสีดำ หมวกแก๊ปสีฟ้า ผ้าพันคอสีเหลืองประชาชนจิตอาสา และปลอกแขน

ทั้งนี้ ยอดจิตอาสาเฉพาะกิจทั่วประเทศที่ลงทะเบียนตามประเภทงานทั้งหมด 8 ประเภท ประกอบด้วย งานดอกไม้จันทน์ งานประชาสัมพันธ์ งานโยธา งานขนส่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชน งานบริการประชาชน งานแพทย์ งานรักษาความปลอดภัย และงานจราจร ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน มีจำนวนทั้งสิ้น 4,006,801 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนจิตอาสาเฉพาะกิจเดินทางมารอคิวเพื่อรับสิ่งของตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อวาน และทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยเมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จะแจกบัตรคิวเพื่อเข้ารับสิ่งของพระราชทาน จากนั้นเข้าคิวรับสิ่งของพระราชทานหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งเต็นท์แบ่งตามประเภทงานต่างๆ 8 เต็นท์ เพื่อให้จิตอาสาเฉพาะกิจทุกคนได้รับฟังการชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่และมอบหมายภารกิจ กำหนดวันเวลาและสถานที่ในการปฏิบัติงาน ขอบเขตของงานแต่ละประเภท รวมทั้งข้อปฏิบัติในการเป็นจิตอาสาเฉพาะกิจ

Advertisement
ประชาชนจิตอาสามารอรับบัตรคิวกันแต่เช้า

 

Advertisement

สำหรับประชาชนจิตอาสาเฉพาะกิจที่ลงทะเบียนไว้ในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งต่างประเทศ สามารถไปรับสิ่งของพระราชทานในพื้นที่ที่ได้ลงทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันนี้-12 ตุลาคม

นายวรชาติ วิเศษฤทธิ์ อายุ 56 ปี จิตอาสาเฉพาะกิจเดิมที่มารับปลอกแขนและบัตรประจำตัวจิตอาสา เผยว่า มารับบัตรคิวตั้งแต่เวลา 04.30 น. ลงทะเบียนสมัครงานโยธา และทำงานจิตอาสามาโดยตลอด ตั้งแต่งานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยตนได้เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพมาแล้ว 15 ครั้ง ต่อเนื่อง 15 วัน นอกจากนี้ การมาทำจิตอาสาเฉพาะกิจไม่เหนื่อยเลย เพราะตั้งใจมาทำด้วยใจ และมองว่าความดีที่เราทำเพื่อผู้อื่นขณะเป็นจิตอาสา เทียบกับพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อชาวไทยแล้ว คงเปรียบเสมือนฝุ่น

“ผมนับถือในหลวง ร.9 และทุกพระองค์มาตลอด ทั้งยังน้อมนำเอาคำสอนของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย โดยเฉพาะเรื่องความอดทน อดกลั้น อดออม และรู้กินรู้ใช้ ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น พอเรารู้จักความพอเพียง พอดี ก็จะไม่เบียดเบียนผู้อื่น” นายวรชาติกล่าว

นายวรชาติ วิเศษฤทธิ์

นางพรพิศ บุญทัน อายุ 47 ปี จิตอาสาเฉพาะกิจ เดินทางจากคลองสามวาด้วยตัวคนเดียว เพื่อมารอรับบัตรคิวตั้งแต่เวลา 04.00 น. เผยว่า ได้คิวที่ 206 และลงทะเบียนงานดอกไม้จันทน์ไว้ หลังเข้ารับสิ่งของพระราชทานเสร็จ ทุกคนต้องมาลงทะเบียนเลือกผลัดเวลาที่จะเข้าทำงาน และขอบเขตของงานที่เหมาะสมกับตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยชี้แจงอยู่ตามเต็นท์ และจะมีนัดอบรมจิตอาสาเฉพาะกิจครั้งใหญ่ ในวันที่ 16 ตุลาคม

เหตุผลที่เลือกงานดอกไม้จันทน์เนื่องจากชอบทำงานฝีมือ ตั้งใจทำเต็มที่เพื่องานพระราชพิธีถวายพระเพลิงที่ใกล้เข้า แม้จะรู้สึกใจหายมากก็ตาม และเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดพระองค์มากขนาดนี้

“บอกกับครอบครัวเลยว่า งานนี้มีครั้งเดียว ต้องไปทำ และรู้สึกดีใจ ปลื้มใจ หาคำบรรยายไม่ได้ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจิตอาสาเฉพาะกิจ จะน้อมนำเอาคำพ่อสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันตลอดไป” นางพรพิศกล่าว

นางพรพิศ บุญทัน

ด้าน นางบุญเรือน ภู้พันธ์ อายุ 67 ปี พร้อมหลานสาว ด.ญ.พรพิริญา เพชรศรีเงิน อายุ 11 ปี เดินทางมาด้วยกันเพื่อมารอรับบัตรคิวตั้งแต่เช้า ได้บัตรคิวที่ 200 กว่า เผยว่า สมัครจิตอาสานานแล้ว แต่ครั้งนี้มาส่งหลานสาวรับสิ่งของพระราชทาน เพราะหลานสาวเห็นยายทำจิตอาสาแล้วตามมาช่วยด้วยตลอด เลยอยากเป็นจิตอาสาเองบ้าง

ตนรู้สึกใจหายอย่างมากกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพที่ใกล้เข้า และตื้นตันใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจิตอาสาเฉพาะกิจในครั้งนี้ รวมถึงเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เข้ารับสิ่งของพระราชทานหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

บุญเรือน ภู้พันธ์ (ขวา) และหลานสาว พรพิริญา เพชรศรีเงิน (ซ้าย)

น.ส.ณฐาพร ตลับทอง อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เผยว่า มารอรับบัตรคิวตั้งแต่เวลา 06.30 น. โดยได้บัตรคิวที่ 1,206 เป็นจิตอาสาใหม่ที่เพิ่งสมัครเมื่อไม่นานมานี้ แต่โดยปกติไปช่วยงานที่สนามหลวงมานานแล้วในนามของเต็นท์ลูกเสือ เลือกลงทะเบียนทำดอกไม้จันทน์เพราะเป็นงานที่สามารถทำได้ ทั้งยังได้น้อมนำพระราชดำริของในหลวง ร.9 มาปรับใช้โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ตนมองว่าไม่ใช่แค่การพอเพียง ลดการใช้หรือใช้ให้น้อยลง แต่คือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งตนทำรายรับรายจ่ายอยู่ตลอด การนำคำสอนของในหลวง ร.9 มาปรับใช้ มองว่าไม่ได้มีผลดีเฉพาะกับตัวเอง ยังช่วยในเรื่องการทำงานด้วย

ณฐาพร ตลับทอง
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image