เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศรอบพื้นที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พบประชาชนทยอยเดินทางมาพักคอยบริเวณโดยรอบตามตรอกซอยต่างๆ เพื่อรอเข้าจุดคัดกรอง ส่วนใหญ่จะเดินหาของกินตามร้านค้าต่างๆ ที่เปิดจำหน่าย โดยบริเวณหน้าศาลาว่าการกทม.เป็นจุดแจกจ่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเต็นท์พักคอยสำหรับเจ้าหน้าที่จิตอาสาและประชาชน
นางพาสิฏฐี วัฒนะพงษ์ วัย 60 ปี ข้าราชครูเกษียน เดินทางมาจากอ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตนได้ออกเดินทางจากบ้านพักมาตั้งแต่เวลา 13.00 น.วันที่ 23 ตุลาคม กับเครื่องบินโดยสารที่ได้วางแผนสำรองตั๋วล่วงหน้ามาเป็นเดือนแล้ว เมื่อมาถึงก็ได้เดินทางมาจับจองพื้นที่หน้าบริเวณจุดคัดกรองที่ 5 ถนนกัลยาณไมตรีทันที เพื่อให้ได้เข้าไปในพื้นที่สนามหลวง และร่วมเป็นหนึ่งในไม่กี่หมื่นคนตามที่สำนักพระราชวังได้เปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้าชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ สำหรับสิ่งที่ตนได้เตรียมมาจากบ้านคือ สิ่งของจำเป็นและเต็นท์นอนชั่วคราวขนาดเล็ก แม้จะเปิดให้ประชาชนเข้าพื้นที่ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป ตนก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะเทียบกับสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้ปวงชนชาวไทยนั้นเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้
นางพาสิฏฐี กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้เดินทางมากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้วจำนวน 7 ครั้ง และตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้เห็นพระบรมโกศอย่างใกล้ชิด บางครั้งแม้ต้องรอเป็นเวลานานก็ไม่ยอมแพ้ ส่วนการเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพครั้งนี้ ตนเห็นถึงความรักและความสามัคคีของคนไทย ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย (มท.) ที่ได้อำนวยความสะดวกห้องสุขาและคำแนะนำอย่างเต็มที่ รวมถึงขอบคุณห้างร้านละแวกใกล้เคียงที่นำผ้าเต็นท์ไว้กันแดดและฝนมาแจกจ่ายแก่ประชาชนฟรี
“สำหรับการเตรียมความพร้อมของป้าคือ จะพยายามดูแลตนเองไม่ให้ป่วยไข้ หากฝนตกจะวิ่งหลบฝนตามอาคารพาณิชย์ ต่อมาคือ นอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงป้าได้เตรียมอินทผลัมติดตัวมาด้วยจำนวนหนึ่ง เพราะป้าเคยอ่านเจอในหนังสือเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยคนใกล้ชิดพระองค์เผยว่า ท่านจะทานอินทผลัมขณะทรงงาน เพื่อลดอาการอ่อนเพลียและทำให้ไม่หิว ตนก็ได้นำมาปฎิบัติตามและพกติดตัวมาด้วยวันนี้ นอกจากนี้ ยังได้นำเรื่องความพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายในครัวเรือน จากเดิมเป็นคนใช้เงินเก่ง ตอนนี้ก็ได้เรียนรู้คำสอนของท่านและพบว่าเป็นแนวทางที่นำมาใช้ในชีวิตได้จริง” นางพาสิฏฐี กล่าว
