‘น้องแต้ว’ ทบทวนเชิงพร้อมชี้ชะตาไอร์แลนด์ ‘โค้ชแซม’ เผยเน้นชก ‘โอลิมปิกสไตล์’
ความเคลื่อนไหวของ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักชกสาวไทยวัย 29 ปี ดีกรีรองแชมป์โลกปี 2019 ซึ่งขึ้นเวทีโอลิมปิกสมัยแรก ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และการันตีเหรียญทองแดงตุนไว้ทันที พร้อมกับเป็นเหรียญประวัติศาสตร์เหรียญแรกของมวยสากลหญิงไทยในโอลิมปิก โดยในรอบต่อไป สุดาพร จะพบ เคลลี่ แฮร์ริงตัน กำปั้นสาวเต็งหนึ่งดรีกรีแชมป์โลกจากไอร์แลนด์ ในวันที่ 5 สิงหาคมนั้น
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี ได้มีการทบทวนเชิงชก และให้ชกลมเพื่อเรียกเหงื่อภายในหมู่บ้านนักกีฬา รวมถึงผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากกรำศึก จากนั้นได้มีการดูเทปการชกของ แฮร์ริงตัน ต่อด้วยการลงนวมซ้อมในช่วงบ่าย โดยจำลองการชกเหมือนอยู่ในสนามจริงกับ ใบสน มณีก้อน และจุฑามาศ จิตรพงศ์
“โค้ชแซม” กามนิต นารีรักษ์ โค้ชกำปั้นไทย เปิดเผยว่า เทคนิคในการชกครั้งนี้มาจากการซ้อมที่หนัก และต่อเนื่อง ที่สำคัญก็คือจะต้องเป็น “โอลิมปิกสไตล์” ที่ต้องมีความจะแจ้งชัดเจน เท่ากับว่าพวกที่ขยันต่อย หรือต่อยเยอะ แต่ว่าไร้สไตล์ ก็มีโอกาสแพ้ทันที จำแนกออกมาได้ 2 ข้อที่มีโอกาสแพ้ทันที 1.ชกไม่มีสไตล์ และ 2.ทรงมวยไม่แข็ง
“มวยไม่มีทรงรอดยาก ความสำคัญคือการชกจะต้องเน้นไปที่เป้าใหญ่ก่อนนั่นคือ ลำตัว นี่คือเป้าหลัก เท่ากับว่าโอลิมปิกครั้งนี้เน้นเป้าหลักที่ต้องชกคือลำตัวมากกว่าใบหน้า ที่สำคัญนั้นเมื่อเข้าไปชกเสร็จแล้ว ต้องรีบฉากออกมาทันที และห้ามฉากออกมาแบบถอยตรง ให้ฉากออกซ้ายขวา สมมุติจังหวะชกอยู่ทางซ้ายแล้วขยับออกทันที และสังเกตุว่า ครั้งนี้เราจะไม่ไม่เข้าไปกอดเลยยกเว้นนาทีฉุกเฉินเท่านั้น ถ้าหนีไม่ทันหรือคับขันเราจึงจะกอด เพราะมวยมันเปลี่ยนไปจากยุคก่อนอย่างสิ้นเชิงแล้ว”
โค้ชแซมกล่าวอีกว่า เราเน้นในเรื่องแก้ทางทุกนัด ทุกยก โดยเฉพาะเกมสำคัญนี้ เนื่องจาก แอน ดีขึ้นเยอะมากจากเมื่อ 3 ปีก่อน โดยเฉพาะการเป็นนักกีฬาที่มี ไอคิวสูง และสามารถเปลี่ยนการ์ดได้ด้วยอย่างว่องไว ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนจังหวะให้ดี และให้ทันท่วงที แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ต้องชิงจังหวะกันแบบทุกวินาที