ผลงานทัพอลป.ไทย ใคร? สอบตก-สอบผ่าน เจอกันใหม่ที่ ‘ปารีส’
ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิก 2020” ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ตำแหน่งเจ้าเหรียญทองตกเป็นของ สหรัฐอเมริกา 39 ทอง 41 เงิน 33 ทองแดง อันดับที่ 2 เป็นของ จีน 38 ทอง 32 เงิน 18 ทองแดง อันดับ 3 ญี่ปุ่น 27 ทอง 14 เงิน 17 ทองแดง
ส่วนทัพนักกีฬาไทยที่เข้าร่วม 41 คน คว้ามาได้ 1 ทอง จาก “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดสาวรุ่น 49 กก. และอีก 1 ทองแดง จาก “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักมวยสากลรุ่น 60 กก.หญิง จบการแข่งขันในอันดับที่ 59 ร่วมกับ เอสโตเนีย, ฟิจิ และลัตเวีย
แม้จะคว้า 1 ทอง 1 ทองแดงแต่ยังไม่ดีพอสำหรับทัพนักกีฬาไทยในการป้องกันตำแหน่งเจ้าอาเซียน หล่นไปอยู่อันดับ 3 เป็นรอง ฟิลิปปินส์ อันดับ 50 คว้าไป 1 ทอง 2 เงิน 1 ทองแดง และอินโดนีเซีย อันดับ 55 คว้าไป 1 ทอง 1 เงิน 3 ทองแดง
ถือเป็นครั้งแรกที่ทัพนักกีฬาไทยหลุดวงโคจรเจ้าอาเซียนในรอบ 17 ปี ขณะเดียวกันเมื่อเทียบผลงานเฉพาะชาติในทวีปเอเชีย ไทยอยู่อันดับที่ 12 รองจาก จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อิหร่าน, อุซเบกิสถาน, ไต้หวัน, กาตาร์, อินเดีย, ฮ่องกง, ฟิลิปินส์, อินโดนีเซีย
ก่อนไปแข่งขันโอลิมปิก 2020 เป้าหมายของทัพนักกีฬาไทยถูกตั้งไว้จากหลายส่วนประเมินกันโดยรวมเป้าหมายถูกตั้งไว้ที่ 1-3 เหรียญทอง โดยอ้างอิงข้อมูลจากคณะกรรมการเตรียมการนักกีฬาไทย ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
ไทยวางเป้าไว้ก่อนไปแข่งคว้าเหรียญทองจากกลุ่มกีฬาเป้าหมายที่จะเป็นไปได้ในการคว้าเหรียญทอง 5 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย เทควันโด, มวยสากล, กอล์ฟ, ยิงเป้าบิน, แบดมินตัน
กลุ่มกีฬาที่มีโอกาสคว้าเหรียญเงิน หรือเหรียญทองแดง มี 2 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา และวินด์เซิร์ฟ / ส่วนกลุ่ม เป้าหมาย เข้ารอบดีที่สุด มี 5 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ขี่ม้า, จักรยาน, เทเบิลเทนนิส, ยิงปืน และเรือใบ / กลุ่มกีฬาที่วางเป้าหมายแค่เข้าร่วมแข่งขัน มี 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ ยูโด, เรือแคนู / คยัค, เรือกรรเชียง และว่ายน้ำ
อย่างไรก็ตามตามเป้าหมายยุทธศาสตร์กีฬาของชาติ หากทัพไทยจะก้าวไปติด 1 ใน 7 ของเอเชีย ต้องคว้าไม่น้อยกว่า 4 เหรียญทอง
เหรียญทองของ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ว่ากันตามตรงก่อนไปเธอเป็น “เต็งจ๋า” ที่จะคว้าเหรียญทอง บรรดาผู้สันทัดกรณีที่เมืองไทยต่างรู้กันดีว่า โอกาสที่ “น้องเทนนิส” จะพลาดเหรียญทองมีน้อยมาก และเธอก็ทำได้ตามเป้ากรุยทางเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศและคว้าเหรียญทองมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่เปิดหัวสวยงามให้ทัพนักกีฬาไทยเพียงแค่หลังพิธีเปิดวันเดียว
ในกลุ่มกีฬาความหวังคว้าเหรียญทองอีก 4 ชนิดกีฬา มวย, กอล์ฟ, ยิงเป้าบิน และแบดมินตัน ต่างทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าทั้งหมด
เริ่มที่มวยสากล จริงๆ ความหวังสูงสุดของเราอยู่ที่ รุ่น 57 กก.ชาย ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี แต่มีอันต้องกระเด็นตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ขณะที่มวยหญิงรุ่น 69 กก.หญิง ใบสน มณีก้อน ตกรอบสอง ส่วนรุ่น 51 กก.หญิง จุฑามาศ จิตรพงศ์ ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ
แม้ “แต้ว” จะมากู้ศักดิ์ศรีทีมมวยสากลคว้าเหรียญทองแดงมาครองและเป็นเหรียญรางวัลแรกของทีมมวยสากลหญิงในโอลิมปิกเกมส์ แต่ผลงานโดยรวมต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ก่อนไปแข่ง
แบดมินตัน ก่อนไปเราหวังคว้าเหรียญทองจาก “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ประเภทหญิงเดี่ยว และคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ – “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย แต่ความหวังสูงสุดของเราทั้ง 2 ประเภทยุติเส้นทางแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ ขณะที่ บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ปิดฉากที่รอบ 16 คน ชายเดี่ยว กันตภณ หวังเจริญ ตกรอบแบ่งกลุ่ม หญิงคู่ จงกลพรรณ กิติธารากุล – รวินดา ประจงใจ จอดป้ายที่รอบแบ่งกลุ่ม
ดังนั้นผลงานในรอบแบ่งกลุ่มของทีมแบดมินตันไทย จึงถือว่า ผิดพลาดจากเป้าที่ตั้งไว้ค่อนข้างเยอะ เป็นบทเรียนให้ทีมตบลูกขนไก่ไทยไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป
กีฬาต่อมาในกลุ่มความหวังคว้าทองคือ ยิงเป้าบิน ซึ่งตัวเต็งที่ถูกจับตามองมากที่สุดของไทยคือ “ณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร ในสกีตบุคคลหญิง แต่กลับทำผลงานหลุดเป้าหมายไปเยอะไม่ผ่านรอบคัดเลือกด้วยซ้ำ ยังดีที่ “น้องวอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข มากู้หน้าสร้างเซอร์ไพรส์คว้าอันดับ 4 ชนิดเกือบได้เหรียญทองแดง ส่วนแทร็ปชาย เศวต เศรษฐาภรณ์ ที่ไม่ได้อยู่ในเป้าหมายอยู่แล้วจบอันดับ 17
ภาพรวมของทีมยิงเป้าบินไทย จึงถือว่า ล้มเหลวอีกหนึ่งชนิดกีฬาแม้ “น้องวอร์ม” จะสร้างเซอร์ไพรส์ได้แต่ก่อนไปเป้าหมายคือ เหรียญทอง
กีฬาที่น่าผิดหวังที่สุดคือ กอล์ฟ เราหวังคว้าทองจากประเภทหญิงเพราะมีทั้ง “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ และ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล แต่ทั้งคู่ทำผลงาน โปรเหมียว จบที่ 23 ร่วม โปรเม จบที่ 43 ร่วม หลุดวงโคจรเฉียดเหรียญรางวัลไปแบบไม่มีลุ้นตั้งแต่รอบแรก ส่วนประเภทชาย อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ อันดับ 27 ร่วม กัญจน์ เจริญกุล อันดับ 45 ร่วม ซึ่งทั้ง 2 คนไม่ได้อยู่ในกลุ่มลุ้นเหรียญรางวัลอยู่แล้ว
ดังนั้นทีมกอล์ฟไทย ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แต่ในมุมกลับกัน เราอาจตั้งเป้าก่อนแข่งให้กับ 2 โปรสาวไทยสูงเกินไปเพราะในกอล์ฟโอลิมปิก 2020 มีมือดังเบอร์ท็อปๆ ของโลกร่วมแข่งขันกันจำนวนมาก
กลุ่ม 5 กีฬาความหวัง เทควันโด, มวยสากล, กอล์ฟ, ยิงเป้าบิน, แบดมินตัน มีเพียงเทควันโดเท่านั้นที่ทำผลงานได้เป็นไปตามที่คาดกันไว้ก่อนไปแข่งขัน ที่เหลือถือว่า สอบตกทั้งหมด
มาดูที่กลุ่มกลุ่มกีฬาที่มีโอกาสคว้าเหรียญเงิน หรือเหรียญทองแดง มี 2 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา และวินด์เซิร์ฟ ตรงนี้ต้องว่ากันตามตรงว่า เป็นการประเมินแบบผิดพลาดอย่างมหันต์ของ กกท. ที่ยกให้ กรีฑา และวินด์เซิร์ฟ มีโอกาสคว้าถึงเหรียญเงิน เพราะในความเป็นจริงนี่คือ โอลิมปิกเกมส์ กรีฑาวิ่ง 10,000 เมตรของไทย, ขว้างจักรหญิง รวมถึงวินด์เซิร์ฟ จะไปอยู่ในกลุ่มลุ้นเหรียญเงินโอลิมปิกได้อย่างไร ต้องฝากเป็นการบ้านให้ทีมงานประเมินเหรียญของ กกท. นำไปแก้ไข พัฒนาหลักการในการประเมินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในโอกาสต่อไป
กลุ่มชนิดกีฬาเป้าหมาย เข้ารอบดีที่สุด 5 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ขี่ม้า, จักรยาน, เทเบิลเทนนิส, ยิงปืน และเรือใบ จาก 5 ชนิดกีฬาข้างต้นมีเพียง ปิงปอง ที่ทำผลงานทะลุเป้า “หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร ทะลุเข้าถึงรอบ 16 คนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกีฬาปิงปองในโอลิมปิก ส่วนอีกคน อรวรรณ พาระนัง ตกรอบ 32 คน ในครั้งแรกที่ไปแข่ง นอกนั้นทั้งขี่ม้า, จักรยาน, ยิงปืน และเรือใบ ถือว่าสอบไม่ผ่านตามเป้าหมายที่ กกท. ตั้งไว้ทั้งหมด
การแข่งขันคราวนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นทั้งการแข่งในช่วง “โควิด-19” แพร่ระบาดทำให้ต้องแข่งแบบปิด ไม่มีผู้ชมเข้าสนามทำให้บรรยากาศกีฬาขาดหายไปนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของผลงานทัพนักกีฬาไทยโดยภาพรวมที่ “ล้มเหลว” ในโอลิมปิก 2020
อย่างไรก็ตามแผนกข่าวกีฬา “มติชน” ขอขอบคุณนักกีฬาไทยทั้ง 41 คนในความพยายาม ความเสียสละ ความอดทน ฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อมอบรอยยิ้ม และความสุขให้กับคนไทย
แล้วพบกันใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้าที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส…
