การขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบอร์ดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. ไฟเขียว ให้มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เพิ่มเติมอีก 1 โครงการ จากปัจจุบันที่อยู่ระหว่างพัฒนาระยะที่ 2
โดยโครงการนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 42,084 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน เอ มีพื้นที่ 3.48 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) เป็นอาคารแบบมัลติเทอร์มินัล สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคน/ปี แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคน/ปี และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 18 ล้านคน/ปี พร้อมทั้งปรับปรุงลานจอดอากาศยานให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารโดยมีหลุมจอด 14 หลุมจอด
2.งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน เอ, บี และซี
3.งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศยานครบวงจร ด้านทิศใต้ของอาคาร ผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่อาคาร 8.4 หมื่น ตร.ม. จอดรถยนต์ในอาคารได้ 1,000-1,500 คัน และมีลานจอดรถยนต์ภายนอกอาคารอีก 1,500-2,000 คัน
4.งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ โดยเป็นระบบรถไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักและอาคารเทียบเครื่องบิน เอ ในปัจจุบัน ไปยังอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และเชื่อมต่อการเดินทางจากอาคาร ผู้โดยสารหลังที่ 2 กับสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ มีระยะทางรวมทั้งระบบยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร
5.งานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคน/ปี และเชื่อมต่อกับระบบของอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน
6.งานก่อสร้างระบบถนนภายในท่าอากาศยาน เพื่อใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออกอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2
และ 7.งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการ นอกจากนี้จะมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารจัดการภายในท่าอากาศยานด้วย
ขั้นตอนหลังจากนี้ ทอท.จะเสนอกระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ ตั้งเป้าหมายเริ่มก่อสร้างภายในปี 2562 และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564
โครงการนี้ถือเป็นการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคม พ.ศ.2560 เรื่องการพัฒนาระบบขนส่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จในภาคขนส่งทางอากาศโดยให้ท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารที่ 90 ล้านคน/ปี ในปี 2562 และ 120 ล้านคน/ปีในปี 2564 ตลอดจนเพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
ก่อสร้างเสร็จเมื่อไหร่ เสียงบ่นแออัด คงเบาลงแน่นอน!!!
นายขันตี
