สังคมศรีธนญชัย

ผมนั่งเฝ้ามองปรากฏการณ์ของสังคมอยู่เงียบๆ มาหลายปี จนพบว่าความจริงกับความเท็จเสมือนเป็นคำคำเดียวกัน

เพราะไม่ว่าคุณจะทำความจริงอย่างไรให้ปรากฏ หากผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย เขาก็จะนำความเท็จเหล่านั้นมาบิดเบือน จนทำให้ความจริงของคุณถูกกังขาได้

ยิ่งถ้ามีฝ่ายสนับสนุนความเท็จอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม หลายคน หรือถูกคนที่มีภาพลักษณ์ทางสังคมดี ดูน่าเชื่อถือเป็นคนพูดเองว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความเท็จทั้งสิ้น

“พวกเขาสร้างเรื่องขึ้นมา”

Advertisement

“พวกเขาต้องการหวังผลอะไรบางอย่าง”

“ความจริง” จะถูกมองเป็น “ความเท็จ” ทันที

จนทำให้คนที่พูดความจริง อาจไม่มีที่ยืนในสังคมได้ ซึ่งก็น่าแปลกอีกเหมือนกันว่าคนที่พูดความจริงมักจะมีพวกพ้องน้อย พูดไม่ค่อยเก่ง และในท้ายที่สุดก็หาทางออกว่า ช่างมัน

“เขาไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ”

“สักวันความจริงจะพิสูจน์ด้วยตัวของมันเอง”

เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้?

เรื่องราวเหล่านี้ หากเป็นเมื่อก่อนคงอาจวนเวียนอยู่ในสังคมการเมืองที่ต่างสาดโคลนเข้าหากันจนพวกเราชินตา แต่ปัจจุบัน ผมคิดว่าเรื่องของ “ความจริง” และ “ความเท็จ”

“ความดี” และ “ความลวง” กำลังแพร่ระบาดไปในทุกสังคม

เพราะฉะนั้น คำโบราณที่บอกว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

คงต้องมาแก้ไขกันใหม่

เพราะเดี๋ยวนี้ยิ่งใครพูดความจริงมากเท่าไหร่ ยิ่งตายเร็วเท่านั้น หรือไม่ก็ถูกสังคมพิพากษาตั้งแต่คุณเริ่มปริปากเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้กับบุคคลที่สามฟัง

เพราะความจริงมันไปกระทบกับบุคลอื่น

ยิ่งถ้าเขาเป็นบุคคลสาธารณะด้วย ความจริงที่พูดออกไปอาจกลายเป็นหอก ดาบที่ย้อนกลับมาทิ่มทำร้ายคุณในวันหนึ่งก็ได้

หลายคนจึงเลือกที่จะไม่พูด

หลายคนเลือกที่จะอยู่เฉยๆ

จนทำให้ไม่ค่อยมีผู้กล้าเกิดขึ้นในสังคมไทย หรือถ้าจะมี ก็อาจอยู่ได้ไม่นาน เพราะผู้กล้าเหล่านั้นก็มีจุดอ่อนในเรื่องของความละอายต่อบาป

ความขี้เกรงใจ

ความไม่อยากสู้รบปรบมือ

รวมไปถึงความจริงที่คุณพูด อาจถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ เพราะสังคมสมัยนี้ต้องการหลักฐาน ต้องการภาพจากกล้องวงจรปิด ต้องการภาพจากกล้องติดรถยนต์

และอื่นๆ ที่ดูว่าไม่ใช่การสร้างหลักฐานเท็จ

เนื่องจากสังคมสมัยนี้ไม่เชื่อในคำพูดของตัวบุคคลเสียแล้ว

หลายตัวอย่างมีให้เห็นจากข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงตลอดหลายปีผ่านมา ทุกคนไม่ยอมรับความจริงในสิ่งที่ตัวเองกระทำ พวกเขาเล่าจากดำเป็นขาว

เล่ากันคนละเรื่อง

เสมือนเป็นสังคมของศรีธนญชัย ที่พยายามตะแบงไปทางอื่นก่อน เพราะคิดว่าคงไม่มีใครรู้ ใครเห็น หรือถ้าจะมีคนรู้ คนเห็น คนเหล่านี้อาจเป็นกลุ่มก้อนของพวกเดียวกันที่พยายามจะปักปำ ใส่ร้าย เพราะพวกเขาอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับผม

ฉัน

เธอ

ที่สุดจึงกลายเป็นข้อกังขาต่อไป

ยิ่งสมัยนี้เป็นโลกชองโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย ถ้าความจริงใดไม่เป็นความจริงซึ่งหน้า ที่ปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ความจริงเหล่านั้นจะถูกมองหลายด้านจากสังคมไซเบอร์ทันที

ตรงกันข้ามถ้าเกิดความจริงเกิดซึ่งหน้า

คนคนนั้นจะถูกสังคมในโลกไซเบอร์กระหน่ำซ้ำเติมจนต้องรีบออกมาแสดงตัว ขอโทษ และยอมรับผิดว่าเขาเป็นผู้กระทำเอง แต่…มูลเหตุแห่งจูงใจที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ กลับมาจากผู้เสียหายคนนั้น เพราะเขาเป็นคนจุดชนวนให้ผม ฉัน เธอ ต้องทำอย่างนี้

แต่สังคมไซเบอร์ไม่สนใจที่มาที่ไป ทั้งยังขยายผลให้สังคมอื่นๆเชื่อเหมือนอย่างที่พวกเขาเชื่อด้วยว่าคนคนนั้นมันเลวอย่างที่เห็นจริงๆ

“เราจะปล่อยให้คนอย่างนี้ลอยนวลหรือ”

“เราควรต้องให้เขาชดใช้กรรมอย่างทรมานที่สุด”

ตอนนี้สังคมไทยเราเป็นอย่างนี้กันหมดแล้ว เรากำลังมองที่ผล ไม่ได้มองในเชิงของเหตุ เพราะท้ายที่สุดต้นตอของเหตุมาจากครอบครัวนั่นเอง

ผมมีความเชื่อว่าตอนนี้ปัญหาครอบครัวกำลังเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้ผู้คนในสังคมก่อปัญหาหลายๆอย่างตามมา

ลูกเทวดาก็อาจก่อปัญหาอย่างหนึ่ง

ลูกที่มาจากครอบครัวหย่าร้างก็ก่อปัญหาอีกอย่างหนึ่ง

ลูกกำพร้าก็อาจก่อปัญหาอย่างหนึ่งเช่นกัน

แม้จะเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อย แต่หากปัญหาเหล่านั้นไม่ถูกแก้ไขเสียแต่วัยเด็ก เขาอาจจะมองว่าเรื่องที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่ได้มีปัญหาอะไร

เพราะผม ฉัน เธอ ทำอย่างนี้จนเคยชินเสียแล้ว

ดังนั้น เมื่อเขาเติบโตขึ้น มีโอกาสอยู่ในสังคมที่หลากหลาย จนกระทั่งไปเจอผู้คนที่มีพฤติกรรม ความคิด การกระทำ และสังคมที่เติบโตมาคล้ายๆ กัน เขาก็จะมองว่าสิ่งที่กระทำนั้นไม่ได้มีความผิดอะไร

คุณนั่นแหละผิด

ผมไม่ได้ผิด

คุณน่ะโกหก

ผมไม่ได้โกหก

หรือคุณนั่นแหละเป็นคนยกย่องให้ผมเป็นคนดีเอง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากเป็นคนดีสักหน่อย ผมอยากอยู่ของผมเฉยๆ

ผมไม่รู้หรอกว่า ความจริง ความเท็จเป็นอย่างไร

ผมไม่รู้หรอกว่า ความดี ความลวงเป็นเช่นไร

เพราะโลกที่ฉันอยู่เป็นโลกของไซเบอร์ ที่เชื่อว่าเมื่อฉันเขียนนวนิยายของตัวเองขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง เมื่อมีคนมากดไลท์ คอมเมนต์มากเท่าไหร่ เท่านี้ฉันก็สุขใจแล้ว

คุณเชื่อไหมตอนนี้สังคมของเรากำลังเป็นเช่นนั้นจริงๆ ?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image