เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้ 26 ม.ค.62 ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)พร้อมด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรค น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค รวมทั้ง นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายอุเมส ปานเดย์ คณะทำงานด้านการต่างประเทศ และ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองโฆษกพรรค พร้อมคณะ ได้เดินทางมาสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นหลักชัย
โดยมี ดร.วรสุดา สุขารมณ์ หรือ ดร.จุ๊บ บุตรสาว นาวาโท นายแพทย์ เดชา สุขารมณ์ หรือ หมอเดชา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางมนรัตน์ สารภาพ คู่ชีวิต พลโทมะ โพธิ์งาม หรือ เสธ.มะ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายชูเกียรติ อาจปักษา ส.อบจ.กาญจนบุรี นายสันติชัย จีระพัฒน์ ทนายความ นายพนม โพธิ์แก้ว หรือ สจ.ไก่ ส.อบจ.กาญจนบุรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติของจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 5 เขต ให้การต้อนรับ
หลังจากทำพิธีสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแล้วเสร็จ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 5 เขต ได้นำ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค พร้อมคณะพบปะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ขายที่อยู่โดยรอบศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเนื่องจากวันนี้ตรงกับงานถนนคนเดินพอดี
หลังจากนั้นคณะทั้งหมดเดินเท้าไปพบปะประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณตลาดผาสุก ซึ่งตลาดผาสุก ถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกาญจนบุรี ภายในมีทั้งห้างสรรพสินค้า ธนาคาร ห้างทอง ร้านขายของชำ ร้านขายผลไม้ ไปจนถึงร้านขายผักและขายอาหารตามสั่งและจานเดียว เป็นจำนวนมาก
จากนั้นเวลาประมาณ 18.00 น. ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พร้อมด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง ดร.ฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรค นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรค น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค รวมทั้งนายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ไทยรักษาชาติทั้ง 5 เขต ที่เวทีปราศรัยลานด้านหน้า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทีเอ็มเค กาญจนบุรี อาคารศูนย์การค้าทีเอ็มเค พาร์ค หมู่ 1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยบรรยากาศของการเปิดตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางประชาชนทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง จากทั้ง 13 อำเภอ เดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัยในครั้งนี้นับพันคน โดยแกนนำพรรคหลายคน ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีพูดคุย ภายใต้สโลแกน โลกก้าวไกล ไทยต้องก้าวทัน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน การแก้ปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ โดยมี พลตรีศรชัย มนตริวัต หรือ เสธ.นิด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของ จ.กาญจนบุรี ร่วมขึ้นเวทีพูดคุยกับพี่น้องประชาชนด้วย
ทั้งนี้ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ให้สัมภาษณ์หลังจากสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองว่า ผมขอเรียนว่าจริงๆ แล้วพี่น้องประชาชน ต่างรอคอยวันที่จะได้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และผมเชื่อมั่นว่าชาวกาญจนบุรี เป็นผู้ที่รักในประชาธิปไตย และอยากให้ประเทศชาติกลับคืนสู่ภาวะที่พี่น้องประชาชนมีสิทธิมีเสรีภาพ ที่สำคัญที่สุดก็คือในเรื่องของการที่จะได้มีโอกาสทำมาหากิน ไม่ว่าจะเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรีหรือพี่น้องประชาชนคนไทย ทุกภูมิภาค ทุกมุมของประเทศ ซึ่ง 4-5 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราเดือดร้อนที่สุดก็คงจะไม่พ้นในเรื่องของวิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาของปากท้อง
“สภาพของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นราคาพืชผลการเกษตร จึงได้รับผลกระทบอย่างมหาศาลและเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาข้าว ราคาอ้อย ราคายางพารา และสินค้าเกษตรอื่นๆ ซึ่งเกิดผลกระทบเป็นวงกว้างกลายเป็นห่วงลูกโซ่ กระทบกับการค้าการขาย จากเศรษฐกิจฐานราก เกษตรกรผู้ค้าผู้ขายรายย่อย ไม่สามารถที่จะมีรายได้ได้ ก็กระทบไปยังส่วนกลางและส่วนบน ทำให้เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ฝืดเคืองและเป็นสภาพเดียวกันทั้งประเทศเหมือนกันหมด”
“ผมเชื่อว่าด้วยการบริหารงานของพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเรามีแนวความคิดสมัยใหม่ เราเข้าใจโลกยุคใหม่ เข้าใจการทำมาหากินสมัยใหม่ และบอกได้เลยว่า พรรคไทยรักษาชาตินั้น เป็นการหลอมรวมของคนทุกๆรุ่น ทั้งคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ มีความปรารถนาที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชน ในประเทศชาติ โดยร่วมกับคนที่มีประสบการณ์และเคยทำงานสำเร็จมาแล้ว และเคยดำเนินงานนโยบาย ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยก็ดี สมัยพรรคพลังประชาชนก็ดี จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ยกตัวอย่างท่านอดีตรองนายกรัฐมนตรี ท่านจาตุรงค์ ฉายแสง ท่านณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ท่านสุชาติ ธาดาธำรงเวช ท่านเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ซึ่งการทำงานในครั้งนี้ เป็นภารกิจพิเศษ ที่ปรารถนาที่จะ นำความสุขคืนสู่พี่น้องประชาชน”
ร.ท.ปรีชาพล กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราอยากจะแก้ไขมากที่สุดก็คือ เรื่องของปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ เรามีทีมบริหารมืออาชีพที่พร้อมจะทำงาน ขอเพียงแต่รอวันรอเวลาซึ่งเวลานั้นมาถึงแล้ว คือวันที่ 24 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งพรรคไทยรักษาชาติ ส่งผู้สมัครลงอาสารับใช้พี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรีครบทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง พวกเราพร้อมทั้งกายและใจ ขาดแต่เพียงโอกาสเท่านั้น หวังว่าพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี จะให้โอกาสพรรคไทยรักษาชาติ ผู้สมัครของพวกเรา ซึ่งมีรากฐานและหล่อหลอมมาจากพรรคไทยรักไทย และผมเชื่อว่ายังอยู่ในใจของพี่น้องชาวกาญจนบุรีมาตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา
“มาวันนี้เราแม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่ว่าเป็นพรรคที่มีความครบถ้วน ในทุกสิ่งทุกอย่างที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชนและชาวจังหวัดกาญจนบุรี การเกิดขึ้นของพรรคไทยรักษาชาตินั้น เป็นการเกิดขึ้นเพราะมันมีกฎกติกาบางอย่างพยายามที่จะทำให้พรรคการเมืองใหญ่ๆ ลดจำนวน ส.ส.ลง ฉะนั้นวันนี้เราออกแบบ รูปแบบการต่อสู้ของพวกเรา และเรามั่นใจว่าชาวกาญจนบุรีจะให้โอกาสผู้สมัครของเราอย่างแน่นอน ส่วนจะได้ครบทั้ง 5 เขตหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคน ผมขอโอกาสให้กับพวกเรา ให้พวกเรานำพวกท่านหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ ก้าวไปสู่อนาคตและทิศทางที่ดีของประเทศชาติ เพราะประเทศไทย เรารอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”
“ในระหว่างที่เราหยุดนิ่งอยู่กับที่ 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศอื่นๆ เขาวิ่งไปข้างหน้าเขาไขว่คว้าโอกาสจากโลกในอนาคตแต่ประเทศของเรากลับย่ำอยู่กับที่ ด้วยการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และผมขอเรียนเลยว่าจริงๆ แล้ว พรรคไทยรักษาชาติ หรือแม้กระทั่งอดีต ส.ส.ที่เคยทำงานอยู่กับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น พลตรีศรชัย มนตริวัต หรือแม้กระทั่ง ท่านพลโทมะ โพธิ์งาม ล้วนแล้วเป็นผู้ที่เคยรับใช้พี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรีมาโดยตลอด มาวันนี้ ท่านมาเป็นพี่เลี้ยงช่วยประคับประคองให้ทั้งคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่อาสาเข้ามารับใช้พี่น้องชาวกาญจนบุรี ก็ขอโอกาสให้กับพวกเรา ผมเชื่อว่าถ้าเราได้รับโอกาสแล้วเราจะไม่ทำให้พี่น้องผิดหวังอย่างแน่นอน”
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า ผู้บริหารประเทศ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะลงพรรคการเมืองใดหรือไม่ ตรงนี้มองว่าอย่างไร ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า เมื่อเช้าก็มีคนถามผมเหมือนกันว่า ท่านนายกรัฐมนตรีตกลงท่านจะเป็นบัญชีนายกคนในหรือจะเป็นบัญชีนายกคนนอกกันแน่ ผมบอกตามตรงตามความรู้สึกของผมว่า ท่านควรที่จะเป็นแค่อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการยึดอำนาจ ผมไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ของท่าน เพราะว่าท่านไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอย่างที่ผมบอก แต่ผมบอกว่า ในความเห็นของผมท่านควรจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เพราะเหตุผลก็คือว่า ท่านก้าวเข้ามายึดอำนาจจากพี่น้องประชาชนคนไทย 67 ล้านคน และสิ่งที่ตามมาก็คือท่านทำตัวเป็นกรรมการในการที่จะมาห้ามศึก เป็นกรรมการในการร่างกฎกติกา เพื่อที่จะนำประเทศกลับคืนสู่การเป็นประชาธิปไตย แต่ทำไมช่วง 2-3 ปีสุดท้าย ท่านจึงแสดงท่าทีที่ค่อนข้างจะชัดเจนว่าท่านจะลงสู่สนามการเลือกตั้ง ซึ่งพวกเราก็ถือว่าถ้าท่านลงสู่สนามการเลือกตั้ง เมื่อกรรมการกลับกลายมาเป็นผู้เล่น แล้วกฎกติกาที่มันร่างออกมา หลายท่านก็เห็นว่ามันอาจจะไม่เอื้อให้เกิดบรรยากาศของการเลือกตั้งที่โปร่งใส ยุติธรรมและเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย
แต่นั่นก็ไม่เป็นไร พวกเราก็พร้อมไม่ว่ากฎกติกาจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพียงแต่อยากจะย้ำเตือนว่าเมื่อกรรมการมาเป็นผู้เล่น ก็ขอให้ระมัดระวังท่าทีการใช้อำนาจ ไม่ว่าจะเป็นกลไกของรัฐ การอนุมัติงบประมาณ การโยกย้ายข้าราชการ
“เข้าใจดีอยู่ว่ากฎหมายปัจจุบันเขาให้คุณอยู่ในอำนาจเป็นรัฐบาลอำนาจเต็มเข้าสู่การเลือกตั้งโดยมีมาตรา 44 แต่สิ่งใดก็ตามที่มันไปบิดเบือนวิถีวัฒนธรรมการเลือกตั้งมากจนเกินไป ผมเกรงว่าเมื่อกรรมการลงมาเป็นผู้เล่น คนดูเขาจะไม่พอใจ อีกหน่อยคนดูเขาก็อาจจะลงมาในสนามก็ได้ คราวนี้มันก็จะเกิดความวุ่นวาย ซึ่งเราไม่ต้องการให้มันเกิด เราต้องการให้ประเทศเกิดความสงบและต้องการเดินหน้าต่อไป ฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องมีส่วนช่วยกัน”
“ท่านนายกรัฐมนตรี ตอบรับไปเลยว่า ท่านจะเป็นรายชื่อของพรรคการเมืองใด ประชาชนก็จะได้ตัดสินใจง่ายๆ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ มี 2 ทางเลือกชัดๆ ถ้าประชาชนเลือกฝั่งประชาธิปไตย ท่านก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหลุดพ้นวงจรอุบาทว์ มา 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าท่านเลือกฝ่ายที่สืบทอดอำนาจ ก็แน่นอนว่ามันก็จะท้อถอยและล้าหลังอยู่แบบนี้ เหมือน 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของประชาชนไม่มีใครไปบังคับได้ ถ้าท่านชอบแบบไหนก็ขอให้เลือกแบบนั้น”
และว่า “แต่พวกเราไทยรักษาชาติ เราเชื่อว่าเราเป็นทางออกและจะเป็นตัวเลือกที่ดีในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน” ร.ท.ปรีชาพล กล่าวทิ้งท้าย
