เมื่อเวลา 14.00น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ที่โรงเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางกาญจนา สุวานิโช นายด่านศุลกากรภูเก็ต พร้อมนายธนะพงษ์พัฒน์ ธนะโสภณ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร, นายณัฐพงศ์ หนูสมตน นิติกรชำนาญการ (หัวหน้างานคดี) และ คณะกรรมการทำลายของกลางด่านศุลกากรภูเก็ต นำของกลางในคดีที่ถึงที่สุดแล้ว และของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายมาทำลาย โดยวิธีการกรีด ใช้รถบดทับและเผาในเตาเผา
สำหรับของกลางที่นำมาทำลายทั้งหมดจาก 94 คดี แยกเป็นคดีของกลางประเภทละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทสินค้าลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า เช่น รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้ากีฬา หมวกเข็มขัด แว่นตากันแดด ซึ่งเป็นของต้องห้ามนำเข้าและเป็นของอันพึงต้องริบ ตามนัยมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 40 คดี รวม 4,819 ชิ้น และคดีที่เป็นของกลางประเภทบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ยาสูบชนิดยาเส้นปรุง (บารากู่) อุปกรณ์การเสพบารากู่ หัวปลั๊กไฟ เครื่องเทศ การ์ดเกมส์ ซองใส่โทรศัพท์และมือถือไม้เซลฟี่ รวม 54 คดี 4,085 ชิ้น ทั้งนี้มีคดีทั้งสองส่วนรวมทั้งสิ้น 94 คดี ปริมาณสินค้า 8,904 ชิ้น มูลค่าภาษีอากรรวม ทั้งสิ้น 1,015,272.8 5 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ เรื่องการคุ้มครองและการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา ตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ซึ่งของกลางที่นำมาทำลายส่วนใหญ่เป็นสินค้าลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า และตามนโยบายกรมศุลกากร โดยนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร, นายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร และนายประโยชน์ พูนน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากร ภาคที่ 4 สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเข้มงวดกวดขันดำเนินการอย่างเคร่งครัดในการป้องกัน และปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา และเร่งรัดการจำหน่ายของกลางตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยวิธีการจำหน่ายของกลาง
