คิด เห็น share : อุตสาหกรรมโรงแรมไทย ยังต้องเผชิญปัจจัยลบ : โดย สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
สวัสดีครับ คอลัมน์ “คิด เห็น แชร์” วันนี้ ผมขอหยิบยกบทวิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรมโรงแรมไทยในครึ่งปีหลังของปี 2562 และปี 2563 ของฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ซึ่งมีทั้งปัจจัยบวกและลบ แต่ประเมินว่าปัจจัยลบจะมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยบวก
ปัจจัยบวกได้แก่ 1.คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นช่วงที่เหลือของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วง High season ของธุรกิจ และ 2.จำนวนนักท่องเที่ยวจากอินเดียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ช่วยชดเชยการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ (ตามตารางรูปที่ 1 และ 2) ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีบทบาทอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของรายได้จากการท่องเที่ยว โดยอีก 30% มาจานักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยจะสามารถขยายตัวได้เฉลี่ยปีละ 3-5% ในปี 2562-2563 ส่วนหนึ่งมาจากความพยายามของภาครัฐที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยว
ปัจจัยลบ ที่สำคัญต่อกลุ่มโรงแรม ได้แก่ 1.อุปทานโรงแรมเพิ่มจำนวนขึ้นมากและแซงหน้าอัตราการเติบโตของอุปสงส์ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯที่คาดอุปทานโรงแรมจะเพิ่มขึ้นบวก 6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีในปี 2562 โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมระดับ First-class ซึ่งคาดอุปทานปี 2562 จะเพิ่มขึ้นถึง บวก 19% และในปี 2563 คาดว่าอัตราการเพิ่มของอุปทานโรงแรมจะยังเร่งตัวขึ้นเป็นบวก 10% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่สูงสุดในรอบหลายปี โดยเป็นการเติบโตจากโรงแรมในหลายๆ ระดับ อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นฝ่ายวิจัยฯคาดว่าอุปทานโรงแรมจะเพิ่มขึ้นเพียงบวก 1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนในปี 2564 ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ในปี 2562-2563 อัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยเติบโตในระดับปานกลาง ซึ่งไม่สมดุลกับจำนวนอุปทานโรงแรมที่เติบโตในอัตราเร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่ออัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (Average Room Rate: ARR) และอัตราการเข้าพัก (Occupancy rate)
ปัจจัยลบอื่นๆ ได้แก่ ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้ต้นทุนการท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวบางประเทศที่เงินอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจมาเที่ยวไทย โดยฝ่ายวิจัยฯทำการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติย้อนหลัง พบว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทกับค่าเงินบางสกุล และจำนวนนักท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆ พบว่านักท่องเที่ยวจาก สหรัฐ, จีน, รัสเซีย, ยุโรป มีความสัมพันธ์กับค่าเงินในระดับปานกลาง แต่ในอีกด้านนักท่องเที่ยวจากเกาหลี, มาเลเซีย, และอินเดีย กลับไม่มีความอ่อนไหวต่อค่าเงิน ดังนั้น จึงต้องจับตาดูแนวโน้มค่าเงินของบางประเทศที่นักท่องเที่ยวมีความอ่อนไหวต่อค่าเงินมาก อาจส่งผลกระทบได้หากค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศนั้นๆ
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ผู้ประกอบการโรงแรมไทยอาจต้องเผชิญความท้าทายในการประคองธุรกิจให้พ้นปี 2562-2563 เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ในขณะที่อุปทานโรงแรมในไทยกำลังเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา