ทุกครั้งที่ทีมชาติ อังกฤษ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลรายการใหญ่ๆ สื่อของประเทศและแฟนบอลก็มักจะคาดหวังสูงกว่าที่ควรจะเป็นเสมอ ในยูโร 2016 ก็ไม่ต่างไปจากเดิม เพราะสื่อเมืองผู้ดีอย่าง เดลี่ เทเลกราฟ ยกเอาเหตุผลต่างๆ นานา เพื่อมาการันตีว่าสิงโตจะคำรามคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้เสียที หลังจากรอมาตั้งแต่ปี 1966 ที่บ๊อบบี้ มัวร์ พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในบ้านมาได้
เหตุผลแรกเลย คือ แฮร์รี่ เคน และ เจมี่ วาร์ดี้ ดาวซัลโวและรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมทีมมาทั้งคู่ อังกฤษชุดนี้จะยิงประตูเป็นกอบเป็นกำแน่นอน ต่อมาคือการเห็น เลสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเทพนิยายมาได้ ทำให้เกิดความเชื่อ ความกระหายที่จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง
ขณะที่การถูกจับมาอยู่ในสายที่ไม่หนักนักร่วมกับ รัสเซีย สโลวาเกีย เวลส์ ชื่อชั้นเทียบอังกฤษไม่ได้ เมื่อพิจารณาสายที่จะเจอกันในรอบน็อกเอาต์ ก็ไม่น่าจะเจอทีมยักษ์ใหญ่จนกว่าจะถึงรอบรองชนะเลิศ ยิ่งไปกว่านั้นการที่ยูโร 2016 เพิ่มจาก 16 เป็น 24 ทีม ทำให้ทีมที่คว้าแชมป์กลุ่มจะไปเจอกับทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด (ไม่ใช่อันดับ 2 เหมือนเมื่อก่อน) หมายความว่าถ้าอังกฤษคว้าแชมป์กลุ่มได้ จะไปเจอกับทีมที่ผลงานไม่ดีเท่าไรในรอบ 16 ทีม
ปัญหาของอังกฤษในทุกยุคทุกสมัย คือ การพ่ายแพ้การดวลจุดโทษ แต่ครั้งนี้ทัพสิงโตคำรามมี โจ ฮาร์ท นายทวารที่มีสถิติการเซฟจุดโทษได้ดีมากใน 4 ปีที่ผ่านมาในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโร 2012 โดยฮาร์ททำหน้าที่ป้องกันจุดโทษ 11 ครั้ง และเซฟได้ถึง 5 ครั้ง
รวมทั้งยังมีการพูดถึงความเป็นทีมพลังหนุ่ม เพราะอายุเฉลี่ยของ 23 ขุนพลผู้ดีในครั้งนี้เพียง 25.39 ปี มีนักเตะอายุน้อยๆ อย่าง เดเล่ อัลลี (20 ปี), มาร์คัส แรชฟอร์ด (19 ปี), ราฮีม สเตอร์ริ่ง (21 ปี) จะช่วยเพิ่มความทะเยอทะยานให้กับทีมได้มาก นอกจากนั้นอายุอานามของรุ่นใหญ่ เวย์น รูนี่ย์, แกรี่ เคฮิลล์, เจมส์ มิลเนอร์ ในวัย 30 ปี น่าจะเป็นช่วงพีคของพวกเขาด้วย
เมื่อมองไปถึงชาติคู่แข่งแล้ว ฝรั่งเศสไม่มี คาริม เบนเซม่า, ราฟาเอล วาราน สเปนที่เปลี่ยนนักเตะหลายคน เยอรมนีที่มีดาวรุ่งติดทีมมาจำนวนมาก มาตรฐานอาจจะไม่ทิ้งห่างอังกฤษเท่าไรนัก ส่วนเรื่องของสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ถ้าเทียบกับฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลแล้ว ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ติดกับอังกฤษ ทำให้นักเตะแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย
ปิดท้ายด้วยเหตุผลที่ว่า จากการที่สิงโตไม่ได้แชมป์ใหญ่ๆ ระดับนี้มา 50 ปี ความคาดหวังของแฟนบอลไม่ได้มากมายมหาศาลเหมือนอิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส ที่คว้าแชมป์โลกกันมาถ้วนหน้า
แต่เมื่อดูเหตุผลนานัปการที่ได้อ่านผ่านตามาก่อนหน้าแล้ว จะบอกว่าแฟนบอลคาดหวังน้อย ดูขัดแย้งกันเองยังไงชอบกล ฮิฮิ!
