“สิงโตคำราม” อังกฤษ ในยุคของ รอย ฮอดจ์สัน มีจุดยืน คือ การใช้นักเตะพลังหนุ่มมาโดยตลอด เห็นได้ชัดจากอายุเฉลี่ยของนักเตะสิงโตคำรามชุดนี้น้อยที่สุดในยูโร 2016 คือ 25.39 ปีเท่ากับอายุเฉลี่ยของ 23 แข้ง เยอรมนี
การเลือกตัวนักเตะของฮอดจ์สันในครั้งนี้สร้างความฮือฮาไม่น้อย เมื่อเขาเลือกใช้บริการของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าดาวรุ่งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อายุเพียง 18 ปี ลงเล่นให้ทีมปีศาจแดงเพียง 18 นัด ไม่เคยติดทีมชาติมาก่อน แต่ด้วยการประเดิมสนามที่ดังเปรี้ยงปร้างของเขา 8 ประตูสำคัญๆ ที่ยิงให้ต้นสังกัด รูปแบบการเล่นที่โตเกินอายุ ทำให้ชื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลกในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
แรชฟอร์ดมาแข่งขันในยูโรหนนี้ด้วยสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์ และเจ้าตัวยอมรับว่า การร่วมทีมชาติอังกฤษมาเตะยูโรเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง
“ผมมีความสุขมากที่เป็น 1 ใน 23 นักเตะทีมชาติชุดยูโร นี่อาจจะเป็นการปิดฤดูกาลที่ดีและสนุกกับทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ด้วยความสัตย์จริง ทุกอย่างเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง เพราะถ้ามองย้อนไปช่วงคริสมาสต์ปีที่แล้ว ผมยังเล่นอยู่ในทีมยู 21 ของแมนฯยูอยู่เลย แต่หลังจากนั้นผมได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสร แสดงให้เห็นว่าเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับโอกาสดีๆ อยู่ตลอด ตอนท้ายฤดูกาลผมไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีชื่อติดทีมชาติหรือเปล่า เพราะตอนนั้นโปรแกรมเตะของแมนฯยูแน่นมาก ทำให้ผมโฟกัสไปที่การรับใช้สโมสรเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากที่จะได้รับใช้ชาติ”
แรชฟอร์ดลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษแล้ว 1 นัด ในแมตช์อุ่นเครื่องกับ ออสเตรเลีย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และซัดประตูได้ทันทีหลังจากถูกส่งลงสนามได้เพียง 3 นาที และเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงประตูในนัดแรกของการเล่นทีมชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการประกาศรายชื่อ 23 ขุนพลชุดยูโร แอนดี้ โคล อดีตกองหน้าปีศาจแดงและทีมชาติอังกฤษออกมาวิจารณ์ว่า ดาวยิงอนาคตไกลยังไม่เหมาะที่จะติดทีมชุดนี้ เพราะคงไม่มีทางที่แรชฟอร์ดจะเบียด เจมี่ วาร์ดี้, แฮร์รี่ เคน, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ สามกองหน้ารุ่นพี่ได้แน่นอน
“หลายคนบอกว่าแรชฟอร์ดไปยูโรเพื่อหาประสบการณ์ แต่การจะได้ประสบการณ์ไม่ใช่การนั่งมองคนอื่นเล่นอยู่ที่ม้านั่งสำรอง แต่จำเป็นจะต้องได้ลงเล่น มาร์คัสอาจจะบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม แต่คุณลองดูธีโอ วัลค็อตต์สิ เขาติดทีมชาติไปเตะฟุตบอลโลกตั้งแต่อายุยังน้อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีชื่อในทีมชาติชุดนี้ด้วยซ้ำ” โคลอธิบาย
ขณะที่ เดวิด เจมส์ อดีตนายทวารทีมชาติอังกฤษและ ลิเวอร์พูล แสดงความคิดเห็นว่า การที่แรชฟอร์ดสามารถรับความกดดันในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ถูกเรียกติดทีมชาติ เพราะกองหน้าวัย 18 ปี ไม่ได้โชว์ฟอร์มดีกับทีมเล็กๆ ในลีก ความกดดันต่างๆ จากโซเชียลมีเดียก็ไม่ได้ทำอะไรเขาได้ และถ้าวันหนึ่งผลงานเขาจะดร็อปลง มันไม่ใช่เรื่องของอายุ แต่นักเตะทุกคนต้องเจอช่วงเวลาแบบนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานั้น จึงควรปล่อยให้เขาสนุกกับยูโรไปก่อน
เอียน ไรท์ ตำนานกองหน้าของ อาร์เซน่อล เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการได้ไปเล่นทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ของ ธีโอ วัลค็อตต์ กับแรชฟอร์ดว่า ในปี 2006 วัลค็อตต์ตอนนั้นอายุแค่ 17 ไม่เคยลงเล่นให้อาร์เซน่อลเลย ทำให้เกิดความกดดันเมื่อเล่นฟุตบอลโลก โอกาสที่แรชฟอร์ดจะเดินตามรอยความล้มเหลวของวัลค็อตต์ก็มี แต่เชื่อว่ามันจะไม่เกิด เพราะเขาลงเล่นเกมใหญ่ในสีเสื้อของแมนฯยูมาแล้ว แถมยังยิงประตูได้ด้วย
“แรชฟอร์ดอายุ 18 แต่ลงเล่นในโอลด์แทรฟฟอร์ดที่มีแฟนบอล 70,000 คนมาแล้ว เขาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ ในช่วงที่ถูกทดสอบ อีกอย่างกองหลังระดับโลกยังจับทางเขาไม่ได้ เพราะไม่ค่อยได้เจอกัน เหมือกับที่ไมเคิล โอเว่น โซโล่ไปยิงประตูอาร์เจนตินาในฟุตบอลโลก 1998 นั่นแหละ วันนั้นโอเว่นก็อายุแค่ 18 ปี”
ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร แต่หน้าที่เดียวของแรชฟอร์ด คือ การลงไปโชว์ฟอร์มในสนามให้เยี่ยมยอดที่สุดเมื่อได้รับโอกาส แล้วคำถามที่ว่าฮอดจ์สันคิดถูกหรือผิดที่หนีบเขาไปฝรั่งเศส จะถูกตอบในไม่กี่วันข้างหน้า