ในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลใหญ่ๆ ใจความสำคัญคงต้องยกให้แมตช์การแข่งขันและการลุ้นแชมป์ แต่ถ้ามองให้ลึกจะเห็นว่า นอกสนามฟุตบอลยังมีการแข่งขันช่วงชิงกันอีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของแบรนด์สินค้า ที่ใช้โอกาสนี้ในการโฆษณาขายของตัวเอง ผ่านศึกลูกหนัง ที่เห็นชัดที่สุดหนีไม่พ้นชุดแข่งขันของแต่ละชาติ ที่ทุกวันนี้ต้องมีทั้งดีไซน์ที่ทันสมัย ออกแบบด้วยเอกลักษณ์พิเศษของแต่ละชาติ รวมทั้งสร้างความแตกต่างด้วยเทคโนโลยี
24 ทีมในยูโร 2016 ครั้งนี้ มี 7 แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่ผลิตเสื้อผ้าให้ อาดิดาส (Adidas) ผลิตให้ 9 ทีม คือ เบลเยียม เยอรมนี ฮังการี ไอร์แลนด์เหนือ รัสเซีย สเปน สวีเดน ยูเครน เวลส์ ความพิเศษของเสื้อผ้าน้ำหนักเบา และเทคโนโลยี “ไคลม่าคูล” ที่ทำให้รู้สึกเย็นและสบายตัวเมื่อสวมใส่ในการลงเล่น ส่วน ไนกี้ (Nike) ดูแลชุดซ้อมและแข่งขันให้ 6 ชาติ ได้แก่ อังกฤษ โปแลนด์ โครเอเชีย โปรตุเกส ตุรกี และ ฝรั่งเศส ทีเด็ดของไนกี้คือ “ไนกี้ แอโร่สวิฟท์” ที่ช่วยในการเพิ่มศักยภาพของนักเตะและให้ความสบายยามอยู่ในสนาม เมื่อดูแล้วสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่ใช้ความพิเศษที่ไม่ต่างกันนัก
ด้าน พูม่า (Puma) ออกแบบชุดแข่งให้ 5 ทีม คือ ออสเตรีย เช็ก อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ สโลวาเกีย ยังคงความฟิตจัดของเสื้อ ใช้เทคโนโลยี “เอซีทีวี เทอร์โม-อาร์” ที่มีอยู่ทั้งด้านหน้าและหลังของเสื้อ ช่วยรองรับและลดความร้อนของผิวหนัง เนื้อผ้าจะช่วยลดความตึงตัวในการเคลื่อนไหว รวมทั้งช่วยในการกระตุ้นกล้ามเนื้อได้อีกด้วย อัมโบร (Umbro) ออกแบบชุดให้ ไอร์แลนด์ เพียงทีมเดียว มีหลายเทคโนโลยีในเนื้อผ้า เช่น ผ้าที่ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น ชิ้นส่วนผ้าใต้รักแร้ช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
แอลเบเนีย ใส่เสื้อของ มาครอน (Macron) ไอซ์แลนด์ ใช้ เออร์เรีย (Errea) โรมาเนีย ใส่ โฆม่า (Joma) ดีไซน์สวยงามทีเดียว แต่ไม่ได้ขายลักษณะพิเศษและเทคโนโลยีของชุดแข่งเหมือนแบรนด์ใหญ่ๆ
ยูโร 5 ครั้งหลังสุด ทีมที่ใส่เสื้ออาดิดาสคว้าแชมป์ไปครองได้หมด ปี 1996 เยอรมนี / ปี 2000 ฝรั่งเศส / ปี 2004 กรีซ / ปี 2008, 2012 สเปน มีเพียงปี 1992 ที่เดนมาร์กคว้าแชมป์และใส่เสื้อของ ฮัมเมล (Hummel) แบรนด์ในประเทศตัวเอง ก่อนหน้านั้นปี 1988 ฝรั่งเศส, 1984 เช็กโกสโลวะเกีย ยังคงเป็นอาดิดาส แชมป์ปี 1972 เยอรมนีตะวันตกใส่ยี่ห้อ โทฟส์ (Toffs) คว้าแชมป์ ขณะที่ 3 ครั้งก่อนหน้านั้น 1968 อิตาลี / 1964 สเปน / 1690 สหภาพโซเวียต ยังไม่มีแบรนด์เสื้อแต่อย่างใด
นั่นหมายความว่า ไนกี้ยังไม่เคยคว้าแชมป์ยูโรในฐานะผู้ผลิตชุดแข่งของทีมชาติเลย จะต่อสถิตินี้ออกไปอีก 4 หรือไม่ เดี๋ยวรู้กัน
