ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ฝรั่งเศส เจอปัญหาภายในประเทศมากมาย 13 พฤศจิกายน 2558 เกิดเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายด้านนอกของสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ สนามแข่งขันในกรุงปารีส ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลนัดอุ่นเครื่องระหว่าง ฝรั่งเศส กับ เยอรมนี รวมทั้งมีผู้ก่อการร้ายกราดยิงทั่วกรุงปารีสจนมีผู้เสียชีวิต 130 ราย ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่โหดร้ายและน่าเศร้าครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก
เหตุการณ์ในวันนั้น ส่งผลให้หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนเจ้าภาพยูโร 2016 จากฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ปลอดภัยกว่า ต่อมาในวันที่ 26 มกราคม มีการประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงปารีส หลังจากที่รัฐบาลประกาศให้มีการปฏิรูปสหภาพแรงงาน ทำให้มีการสไตรก์ในหลายๆ จุด ทั้งสายการบินแอร์ฟรานซ์ รถไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมันก็หยุดทำหน้าที่ คนขับแท็กซี่ก็ปิดถนนเพาะประท้วงที่มีแอพพลิเคชั่นแท็กซี่มาแย่งอาชีพของพวกเขา แค่นั้นไม่พอช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ปารีสโดนน้ำท่วมหนักจนคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในครั้งนี้
นาทีนี้คงมีแต่เรื่องฟุตบอลเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาความแตกแยกและปัญหาต่างๆ ให้กับชาวฝรั่งเศสที่เจอเรื่องหนักๆ มาตลอด 6-7 เดือนที่ผ่านมา
แต่ในแวดวงลูกหนังทีมชาติเองก็มีปัญหาให้ต้องปวดหัว เอริค ก็องโตน่า อดีตกองหน้าอารมณ์ศิลปินออกมาวิจารณ์ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องป์ กุนซือทัพตราไก่ว่า เหยียดเชื้อชาติ ไม่เลือกนักเตะที่มีเชื้อชาติแอฟริกาเหนือมาติดทีมชุดนี้ โดยเฉพาะ คาริม เบนเซม่า กองหน้าฟอร์มแรงจาก รีล มาดริด ซึ่งนักเตะรายนี้มีส่วนพัวพันคดีขู่แบล็คเมล มาติเยอ วัลบูเอน่า มิดฟิลด์ร่างเล็กอีกคน จนทำให้หลายคนมองว่า ประเด็นนี้ทำให้ทัพเลส์ เบลอส์เกิดความแตกแยกก่อนยูโรจะมาถึง
อีวา นักกฎหมายวัย 32 ปี ที่อาศัยอยู่ในกรุงปารีสบอกว่า การที่ฝรั่งเศสได้เป็นเจ้าภาพยูโรเป็นเรื่องที่ดี บรรยากาศสนุกมาก แต่การที่มีการประท้วงหยุดงานกันเกิดขึ้น ทำให้การออกไปดูความสวยงามของปารีสเป็นเรื่องยากขึ้น
ดาวิด เจ้าหน้าที่การเงินกล่าวว่า ถึงตัวเขาเองจะไม่ใช่คนที่ชอบฟุตบอล แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับยูโรหนนี้ อย่างไรก็ตามความปลอดภัยก็เป็นประเด็นที่คนส่วนใหญ่เป็นห่วง
ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยง แต่ชาวฝรั่งเศสจำนวนมากพยายามที่จะช่วยกันให้ยูโรหนนี้เดินหน้าไปแบบไม่สะดุด
ก่อนการแข่งขันนัดเปิดสนาม 1 ชั่วโมง มีความเป็นห่วงว่า สหภาพแรงงานที่กำลังประท้วงจะขวางไม่ให้รถไฟใต้ดินให้บริการไปสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ได้ แต่ ฟิลิปป์ มาร์ติเนซ แกนนำผู้ประท้วงยืนยันว่า “จะไม่หักหลังฟุตบอลยูโรเป็นอันขาด”
ในปารีสและมาร์เซย์ สองเมืองที่ใช้เป็นสนามแข่งขัน ก็กำลังเดินหน้าทำความสะอาดพื้นที่ที่มีขยะจากเหตุการณ์ประท้วง ส่วนแอร์ฟร้านซ์ก็พยายามที่จะให้บริการเที่ยวบินได้มากที่สุด ประเมินแล้วว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ฟุตบอลโลก 1998 ครั้งนั้นฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ก่อนการแข่งขันมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเด็นความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักเตะทีมชาติ ถึงขั้นมีประโยคที่ว่า “นี่มันจะเรียกว่าทีมชาติฝรั่งเศสได้จริงหรือ?” แต่ท้ายที่สุดทัพตราไก่ชุดนั้นคว้าแชมป์ในบ้านอย่างยิ่งใหญ่ ถล่ม บราซิล ยอดทีมในยุคนั้น 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศ และถูกยกให้เป็นช่วงเวลาแห่งการยอมรับความแตกต่างทางเชื้อชาติอย่างเป็นรูปธรรมครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ
นัดเปิดสนามที่เจ้าภาพเฉือนชนะ โรมาเนีย 2-1 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เหมือนเป็นจุดผ่อนคลายของชาวฝรั่งเศสทั่วประเทศ ประตูชัยสุดสวยของ ดิมิทรี ปาเย็ต ทำให้ทุกคนร้องเฮลั่นไม่ต่างกัน
สิ่งเดียวที่นักเตะเลส์ เบลอส์ 23 คนชุดนี้ต้องแทำให้ได้คงหนีไม่พ้นการคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ให้ได้ ไม่ใช่เพราะการเป็นเจ้าภาพ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่มันเป็นการทำเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้คนใน “บ้าน” ของตัวเองกลับมาสมัครสมานสามัคคีกันให้ได้อีกครั้ง
