นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในช่วงส่งท้ายปีใหม่ต้อนรับปีเก่า ในปี 2562 จะมีการจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ในหลายพื้นที่ จึงคาดว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดได้กว่า 1,000 ล้านบาททั่วประเทศ โดยในปี 2561 เฉพาะช่วงเดือนธันวาคม พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 3.9 ล้านคนทำให้ในเดือนธันวาคม 2562 เชื่อว่าจะต้องมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาทะลุ 4 ล้านคนอย่างแน่นอน ซึ่งจะดันให้ภาคการท่องเที่ยวไทยโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ โดยแบ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย เดินทางท่องเที่ยว 160-170 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 1.05 ล้านล้านบาท ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย สร้างรายได้กว่า 2.04 ล้านล้านบาท ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา หากดูข้อมูลล่าสุดตั้งแต่เดือนมกราคม ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยแล้วกว่า 33 ล้านคน โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ 2% โดยเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งปีอยู่ที่ 39.8 ล้านคน ซึ่งเชื่อว่าจากแนวโน้มภาพรวมการท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ดีขึ้น และตัวเลขเดือนธันวาคม 2561 ที่เฉพาะเดือนเดียวเข้ามากว่า 3.9 ล้านคน จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน ทั้งยังลุ้นในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติในบางตลาดที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น อาทิ ตลาดอินเดีย ซึ่งหากมีเข้ามามากกว่าที่คาดไว้ ก็อาจจะสามารถทำได้ถึง 40 ล้านคน
“ด้วยสถานการณ์ที่อาจจะไม่เป็นใจมากนัก แต่ก็ยังเห็นอัตราการเติบโตอยู่ รวมถึงหากอากาศยังเย็นและอยู่ในช่วงไฮซีซั่น ก็น่าจะทำให้บรรลุเป้าหมายการท่องเที่ยวได้ โดยททท.ยังไม่มีการปรับลดเป้าคาดการณ์ แม้สภาพัฒน์จะมีการเป้าลดการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) เพราะยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ จากกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และอากาศที่หนาวเร็วรวมถึงเย็นลงอย่างต่อเนื่อง”นายยุทธศักดิ์กล่าว
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับมาตรการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย เฟส 2 จะออกมาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังต้องขอประเมินกระแสตอบรับของอีก 2 รอบที่ยังเหลืออยู่ในวันที่ 11-12 เดือน 12 หรือเดือนธันวาคม นี้ก่อน เพราะจากการประชุมยังพบปัญหาในเรื่องของระบบและการถูกผู้ไม่หวังดีเข้ามารบกวนระบบการลงทะเบียนอยู่ จึงอยากขอดูอีก 2 ครั้งที่เหลือก่อนว่า หากสามารถขายสินค้าและบริการได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเหมือน 2 รอบที่ผ่านมา และหากมีกระแสตอบรับที่ดีมาก ก็จะนำเรื่องยื่นสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการพิจารณาขยายเฟส 2 ต่อไป โดยได้นำเรื่องเรียนนายกรัฐมนตรี ให้ทราบในเบื้องต้นแล้ว ส่วนจะทันในเดือนธันวาคมนี้หรือไม่ มองว่าไม่น่าจะทัน เพราะการนำเรื่องครม.คงต้องใช้ระยะเวลาสักพัก จึงคาดว่าน่าจะเป็นในรูปแบบของมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงต้นปี 2563 อย่างต่อเนื่องมากกว่า นอกจากนี้ททท.ยังร่วมกับไอคอนสยาม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย และพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชนและผู้ประกอบการริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในการจัดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ระดับโลก ขณะเดียวกันยังได้จัดกิจกรรมในพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองรอง 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พัทลุง ลพบุรี กาฬสินธุ์ สระแก้ว และราชบุรี เพราะมองว่าจะเป็นแหล่งกระจายนักท่องเที่ยวและรายได้ไปในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองอื่นๆ ได้ ซึ่งเชื่อว่าการที่รัฐบาลเพิ่มวันหยุดยาวปลายปีเป็น 5 วัน และกิจกรรมต้อนรับปีใหม่ในทุกพื้นที่ จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้
นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า ในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ไอคอนสยามได้ร่วมมือกับพันธมิตรจัดงาน “Amazing Thailand Countdown 2020” ภายใต้แนวคิด ‘มหัศจรรย์พร 7 ประการ’ ขึ้น เพื่อตอกย้ำให้แม่น้ำเจ้าพระยาสายประวัติศาสตร์เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญในการท่องเที่ยว และเป็นแลนด์มาร์คของการเฉลิมฉลองค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ระดับประเทศ ที่มีชื่อเสียงไปในระดับโลก โดยเชื่อว่างานเคาต์ดาวน์ดังกล่าว จะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศได้กว่า 500 ล้านบาท มีคนร่วมงานถึง 300,000 คน รวมถึงมีผู้คนตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาร่วมชมความงดงาม 1-2 ล้านคน นอกจากนี้ ยังได้จัดมหกรรมความบันเทิงสุดยิ่งใหญ่ตลอดค่ำคืน อาทิ การแสดงศิลปวัฒนธรรมอันวิจิตรงดงามที่ถ่ายทอดมรดกวัฒนธรรมไทย พร้อมจัดเตรียมไฮไลท์การแสดงพลุไฟที่ทำจากข้าวเหนียวไทย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมการสร้างสรรค์พลุแบบรักษ์โลกจากประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนโค้งน้ำเจ้าพระยาระยะทางกว่า 1,400 เมตร โดยบริเวณพื้นที่จัดงาน ณ ริเวอร์พาร์คไอคอนสยาม ในปีนี้ได้เพิ่มพื้นที่จุดชมพลุ บนชั้น 7 ของไอคอนสยามเพิ่มเติม และยังสามารถรับชมการแสดงพลุได้ที่จุดรับชมต่างๆ ได้แก่ สวนเฉลิมพระเกียรติ, ท่าเรือสาทร, ท่าเรือวัดสุวรรณ, สถานีตำรวจน้ำ 2, CAT บางรัก, ท่าเรือคลองสาน, โบสถ์กาลหว่าร์ (Holy Rosary Church), ลานจอดรถสำเพ็ง รวมถึงสถานที่พันธมิตรผู้ร่วมจัดงาน อาทิ ย่านสร้างสรรค์เจริญกรุง, ล้ง 1919, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์, โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ, โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน, โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ, โรงแรมแชงกรี–ลากรุงเทพฯ และอีกหลายจุดทั่วพื้นที่เขตเจริญกรุงและเจริญนคร
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
