คนไร้สัญชาติวอนก.แรงงานแก้กม.อนุญาตประกอบอาชีพ
///////////////////
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่กระทรวงแรงงาน นายสันติพงษ์ มูลฟอง ประธานคณะกรรมการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล นำคณะบุคคลไร้สัญชาติที่ประสบปัญหาในเรื่องการทำงาน จากจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ จำนวนกว่า 30 คน มายื่นหนังสือถึง นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) เพื่อขอความช่วยเหลือ ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการกำหนดงานหรือการประกอบอาชีพ ของคนไร้สัญชาติ เพื่อให้ได้สิทธิทำงานอย่างถูกต้อง ตามมาตรา 13 ของ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) การทํางานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 ที่ให้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุญาตให้คนไม่ใช่สัญชาติไทยประกอบอาชีพตามที่กำหนดได้
นายสันติพงษ์กล่าวว่า ปัจจุบันมีกลุ่มบุคคลไร้สัญชาติจำนวนกว่าแสนคนในจังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่อื่นอีก 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี โดยมีผู้ที่อยู่ในระบบการศึกษากว่า 79,000 คน ซึ่งต้องขออนุญาตออกมาจากพื้นที่เพื่อศึกษาตามหลักสูตร ทั้งนี้ มีจำนวนมากที่จบการศึกษาถึงระดับปริญญาตรี ในสาขาต่างๆ เช่น วิศวกร พยาบาล นิติศาสตร์ ครู แต่ก็ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ เพราะไม่มีสัญชาติไทย และไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้ แม้ปัจจุบันจะผ่อนผันให้ออกนอกอำเภอ แต่ไม่ให้ออกนอกจังหวัดก็ตาม จึงอยากขอให้ผ่อนผันให้สามารถเดินทางได้ทั่วประเทศ เนื่องจากเกรงว่าในอนาคตคนรุ่นต่อไปที่เห็นว่าเมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้วก็ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ก็จะไม่เข้ามาสู่ระบบการศึกษาและหันไปประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย
นายยอด ปอง อายุ 27 ปี คนพื้นที่สูงชาติพันธุ์ปะหล่อง จังหวัดเชียงราย ถือบัตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน กล่าวว่า ตนจบการศึกษาจากคณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนนาฏยสังคีต มหาวิทยาลัยบูรพา ได้รับใบประกอบวิชาชีพครูเรียบร้อยแล้ว และปัจจุบันเป็นครูอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี แต่อีก 5 เดือน ใบอนุญาตออกนอกพื้นที่จะครบกำหนด ตนจะไม่สามารถประกอบอาชีพได้อีก จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ เปิดให้คนไม่มีสถานะประกอบอาชีพได้มากขึ้น
ด้านนายอารักษ์กล่าวว่า รับทราบปัญหาและยืนยันว่าจะช่วยเหลือให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสในการประกอบอาชีพ แต่ขอเวลาเนื่องจากเป็นเรื่องของขั้นตอนทางกฎหมาย เบื้องต้นจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ และอาจจะต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมให้ข้อมูลด้วย หากที่ประชุมมีมติ ก็จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ต่อไป โดยคาดว่าภายใน 3 เดือน จะมีความชัดเจน ทั้งนี้ คนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถ หากสามารถนำเข้ามาสู่ระบบการทำงานได้ ก็จะสามารถลดปัญหาขาดแคลนแรงงานในตลาดแรงงานปัจจุบันได้
///////////////
