เริงโลกด้วยจิตรื่น : ‘เดียวดาย’ : โดย จันทร์รอน

“เดียวดาย” เป็นสภาวะจิตที่ก่ออารมณ์ไปในทางเดียวกับว้าเหว่ เหงา
เกิดขึ้นในความรู้สึกว่าไม่เหลืออะไรให้ยึดเหนี่ยวไว้ได้ เกิดอาการเคว้งคว้าง อ้างว้าง
อารมณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นกับจิตที่ยึดเหนี่ยวอยู่อะไรสักอย่าง ด้วยความเชื่อมั่นว่ามีสิ่งนั้นอยู่

อาจจะเป็นความรู้สึกดีๆ ต่อตัวเอง ทำนองว่าเป็นคนสวย คนหล่อ คนดี ผู้เป็นที่รักของใครต่อใคร แล้วเกิดอะไรขึ้นสักอย่างทำให้สูญเสียความรู้สึกที่ดีๆ ต่อตัวเองนั้นไป

อาจจะเป็นความรู้สึกดีๆ ที่เกิดจากความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ว่ามีคุณค่าพอที่จะให้ความอุ่นใจกับชีวิตได้ อย่างทรัพย์สินเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่การงาน การยอมรับนับถือจากสังคม ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แต่แล้วมีบางสถานการณ์บางอย่างพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ช่วยให้เกิดความรู้สึกมั่นคงได้ ทำให้สูญเสียความรู้สึกดีๆ นั้นไป

อาจจะเป็นใครบางคน หรือหลายๆ คนที่ทำให้เชื่อว่าจะมิตรภาพที่ดีต่อกันตลอดไป อาจจะเป็นเพื่อน คนรัก คู่ครอง เครือญาติ ลูกหลาน แต่แล้วมีบางจังหวะของชีวิตที่ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง มิตรภาพไม่ได้ยืนยงอยู่จริง ทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นนั้นไป

Advertisement

ความแปรเปลี่ยนจากที่ยึดถือเหล่านี้ก่อความอ้างว้าง ที่ทำให้รู้สึกเดียวดาย

ว่าไปคือจิตที่ตระหนักถึงสภาวะไร้ที่ยึดเหนี่ยวนั่นเอง

“เดียวดาย” เกิดขึ้นได้เสมอ ด้วยเป็นอาการที่มาจาก “ที่เชื่อ” หรือ “ที่หวัง” ที่ยึดถือไว้เคลื่อนไปในสภาวะไม่สอดคล้องกับกฎธรรมชาติ

Advertisement

กฎธรรมชาติที่ว่าสรรพสิ่งเป็นไปตามปัจจัยที่มาประกอบกันขึ้น แปรเปลี่ยนไปตามความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่มาประกอบ ซึ่งมีเงื่อนไขมากมายเกินกว่าความคิด ความเชื่อใดจะควบคุมให้เป็นไปตามที่ยึดถือไว้ได้

และเมื่อจิตยังเกาะอยู่กับความคิด ความเชื่อ และความหวัง

ความแปรเปลี่ยนนั้นจะก่อให้เกิดความรู้สึกเดียวดาย ด้วยตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ยึดเหนี่ยวนั้นไม่มีอยู่แล้ว เกิดอาการเคว้งคว้าง เพราะความเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้จิตไร้ที่ยึดเกาะ

“เดียวดาย” เป็นความระทมใจอย่างหนึ่ง

การแก้ปัญหานี้มีคำแนะนำมากมาย เริ่มต้นจากการเอาจิตไปยึดเกาะอย่างอื่น เช่นถูกคนรักทอดทิ้ง ก็ไปหาคนรักใหม่ หรือเอาความใส่ใจไปอยู่กับเรื่องอื่น ผิดหวังจากเพื่อนก็หนีไปเล่นกีฬา หรือหาความบันเทิงอื่นๆ อะไรทำนองนั้น ให้ลืมๆ สิ่งที่ยุดถือไปชั่วชณะ

ถ้าสิ่งนั้นไม่ถูกสร้างให้สลักสำคัญอะไรนักกับชีวิต ไม่นานก็ลืมเลือน เลิกยึดติดได้

แต่บางอย่าง บางคนตอกย้ำให้เกิดความยึดเหนี่ยวไว้อย่างหนักแน่น การหันเหความสนใจจะไม่ได้ผลนัก เพราะพลังที่เกิดจากความติดยึดมีมากจนไม่สามารถเบนความสนใจไปเรื่องอื่นได้ง่ายๆ หรือบางทีเบนไปได้บ้าง แต่ไม่ทันไรก็กลับมาอีก

อาจจะแก้ด้วยการวิเคราะห์ถึงความเป็นธรรมดาของสรรพสิ่ง กระทั่งมองเห็นเหตุ เห็นผลว่าความเปลี่ยนแปลงไปเป็นเรื่องปกติ แต่การคิดด้วยเหตุด้วยผลเช่นนั้น บ่อยครั้งที่ไม่พลังพอจะปลดจิตออกจากความยึดติดได้

ความอยากจะให้เป็นอย่างที่ยึดติด ได้ปรุงแต่งความคิดที่จะต่อสู้ให้ได้มาอย่างที่อยากให้เป็นนั้น

และความพยายามคิดหาทางนั้น บางทีประสบความสำเร็จ บางทีล้มเหลว

หากล้มเหลวจะยิ่ง “อ้างว้าง” แต่แม้จะสำเร็จโอกาสที่ “เดียวดาย” จะกลับมาอีกย่อมเป็นไปได้เสมอ ด้วยอย่างไรเสีย ความแปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย อันเป็นไปตามกฎธรรมชาติจะเกิดขึ้นเสมอ

หากจะทำให้ยังยึดเหนี่ยวไว้ต่อไปได้ตามความอยาก จะต้องลงแรง ลงใจต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่รู้จบ และแน่นอนไม่ใช่ว่าจะชนะทุกครั้ง

ครั้งใดพ่ายแพ้ “เดียวดาย” ย่อมเกิดขึ้น

จึงมีการเสนอหนทางว่า จะให้ “หยุดความอยาก” เพื่อให้จิตยอมรับความเปลี่ยนแปลงว่าเป็นเรื่อง “ปกติ”

สร้างจิตที่อิสระจากทุกการยึดติด

“จิต” ที่เข้าถึงความเป็นอิสระ ไม่ต้องอาศัยการยึดเหนี่ยวอยู่กับสิ่งใดๆ คือหนทางที่จะพ้น “เดียวดาย” อย่างแท้จริง

ทว่า “อิสระ” ที่ว่านั้น ไม่ง่ายเลยที่จะเกิดขึ้น

มนุษย์เราเคยชินกับต้องยึดเหนี่ยวอยู่กับอะไรสักอย่างมากกว่า

จึงยากที่จะพ้นจาก “เดียวดาย”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image