มังกรแดง เวลส์ ทีมที่เพิ่งเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอล ยูโร 2016 เป็นครั้งแรก ในที่สุดก็สามารถหักปากกาเซียน ด้วยการเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มบี ได้สำเร็จ
ทั้งๆ ที่ก่อนแข่งขัน หลายคนมองว่ากลุ่มนี้น่าจะเป็น “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่จะเป็นฝ่ายเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม
แม้ว่าจะมาเป็นครั้งแรก แต่เวลส์แสดงให้เห็นในทุกเกมว่า พวกเขาไม่ใช่ทีมรองบ่อน หรือทีมที่พึ่งพานักเตะซุป’ตาร์ เพียงคนเดียวในทีมแต่อย่างไร
คนอาจจะนึกภาพกันว่าเวลส์ชุดนี้ มีดีได้ก็เพราะ แกเร็ธ เบล แต่ความจริงแล้วเบลก็เป็นเพียงฟันเฟืองตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
ทีมนี้ยังมีนักเตะอย่าง อารอน แรมซีย์ กองกลางผู้ควบคุมจังหวะของเกม หรือ แอชลีย์ วิลเลียมส์ กองหลังกัปตันทีมที่เป็นปราการด่านสำคัญ
อีกหนึ่งทีเด็ดสำคัญของเวลส์ คงหนีไม่พ้น คริส โคลแมน กุนซือรุ่นใหม่ ที่เลือกแทคติค วางแผนการเล่น และปรับใช้กับทีมได้อย่างเหมาะสม
ที่เห็นชัดเลยคือการจับเอาเบลไปเล่นเป็นกองหน้าคู่ จากที่ปกตินั้นเบลเป็นปีก เพราะรู้ว่ากองหน้าของทีมยังพึ่งพาไม่ได้มาก
ก่อนจะทำให้เบล กลายเป็นคนที่ 7 ที่สามารถยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่มได้ทั้ง 3 เกม โดยที่คนล่าสุดต้องย้อนไปถึงปี 2004 เลยทีเดียว
สำคัญที่สุดคือการที่เวลส์ได้แชมป์กลุ่มบี ทำให้ไปอยู่ในสายการแข่งขันที่ถือว่าไม่หนักมาก หลีกเลี่ยงการเจอทีมใหญ่ๆ ทั้ง ฝรั่งเศส เจ้าภาพ, อิตาลี หรือแม้กระทั่ง เยอรมนี ที่น่าจะได้แชมป์กลุ่มซีด้วยเช่นกัน และมีโอกาสกลายเป็น ม้ามืด ตัวจริง
กลับมาดูทางด้านของ อังกฤษ ที่ทำได้แค่เสมอกับสโลวาเกีย จนต้องตกไปอยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม เตรียมเผชิญกับศึกหนักตั้งแต่รอบ 16 ทีมที่มีสิทธิเจอโปรตุเกส หรือรอบ 8 ทีมที่มีโอกาสเจอฝรั่งเศสได้
เกมของอังกฤษจากเดิมที่ใช้นักเตะ สเปอร์ส เป็นแกนหลัก แต่เกม สโลวาเกีย กลับใช้นักเตะลิเวอร์พูลเป็นแกนหลักบ้าง
สิ่งที่ดีคือได้เห็นการประสานงานกันอย่างเข้าขา สร้างโอกาสสวยๆ ได้หลายครั้ง นาธาเนียล ไคลน์ ทำสถิติเทียบเท่ากับ เดวิด เบ๊คแฮม ในการสร้างโอกาสถึง 7 ครั้งภายในเกมเดียว
แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือการจบสกอร์ที่ไม่คมเช่นเดิม ในขณะที่สโลวาเกียเองก็เล่นเกมรับเหนียวแน่น ไปตรงไหนก็ติดขัดไปหมด
สมกับเป็นทีมที่คาดหวังสูงผลงานต่ำจริงๆ
