นักเตะ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ เกือบยกทีมกำลังใช้ช่วงเวลาหลังสร้างเทพนิยายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในการพักผ่อนและติดตามการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 กันแบบสบายๆ แต่มี 4 แข้งจิ้งจอกที่ได้ไปลุยยูโรหนนี้กับบ้านเกิดตัวเอง เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ฝรั่งเศส คริสเตียน ฟุคส์ กองหลังออสเตรีย แอนดี้ คิง มิดฟิลด์เวลส์
4 นักเตะเลสเตอร์กำลังสนุกไปกับการทำผลงานที่ดีในทีมชาติ วาร์ดี้ลงมาเป็นซุปเปอร์ซับยิงประตูตีเสมอเวลส์ 1-1 ก่อนที่ทีมจะชนะไปได้ 2-1 ก็องเต้ลงตัวจริงให้กับเจ้าภาพในสองนัดแรก และมีส่วนร่วมในชัยชนะทั้งสองนัดของฝรั่งเศสจนคว้าแชมป์กลุ่มผ่านเข้ารอบ 16 ทีมไปได้ในที่สุด คริสเตียน ฟุคส์ กำลังลุ้นเข้ารอบต่อไปกับออสเตรียแม้สถานการณ์จะไม่สู้ดีนัก แต่โอกาสก็ยังไม่ปิด ขณะที่คิงเป็นอะไหล่ชั้นดีช่วยให้เวลส์คว้าแชมป์กลุ่มบีเหนืออังกฤษ สโลวาเกียและรัสเซีย
ฟุคส์บอกว่านักเตะเลสเตอร์ทุกคนที่มาแข่งยูโรทำผลงานกันได้ดีถ้วนหน้า และทีมรองบ่อนที่เคยเห็นกันในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลต่างๆ ก่อนหน้านี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ทุกทีมสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้หมด ไม่ว่าปัจจัยหลักจะมาจากการเล่นเป็นทีมหรือจากนักเตะตัวหลักไม่กี่คน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เจอในแต่ละแมตช์
ไม่ใช่แค่ตัวนักเตะที่มาโผล่ในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ความสำเร็จของเลสเตอร์สร้างแรงบันดาลใจให้ทีมเล็กในยูโรกันถ้วนหน้า แอนดี้ คิง บอกว่า เวลส์มีโอกาสประสบความสำเร็จเหมือนที่ต้นสังกัดเขาทำได้ เพราะตอนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกไม่มีใครเชื่อว่าเลสเตอร์จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหนแรกในประวัติศาสตร์ได้ ซึ่งนั่นเองเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนในทีมสู้กันอย่างเต็มที่เพื่อแชมป์ ส่วนเวลส์นั้นมีนักเตะระดับโลกอย่าง แกเร็ธ เบล และ อารอน แรมซี่ย์ และอีกหลายๆ คนร่วมทีมมา แล้วทำไมเวลส์จะคว้าแชมป์ยูโรไม่ได้
“เบลเป็นนักเตะที่เล่นแบบวันแมนโชว์เพื่อให้ทีมชนะ และมีนักเตะไม่กี่คนบนโลกนี้ที่จะทำได้ นอกจากนั้นเขายังเล่นฟุตบอลระดับท็อปมาตลอด ยูโรก็น่าจะเป็นแมตช์ธรรมดาๆ ในความรู้สึกเขา”
ขณะที่ฟุคส์จะช่วยทีมออสเตรียพบกับโปรตุเกส ในแมตช์สุดท้ายของกลุ่มเอฟ และทั้งสองทีมต้องการชัยชนะเพื่อโอกาสในการเข้ารอบต่อไป กัปตันทีมออสเตรียใช้ปรัชญาที่เติมเต็มเลสเตอร์สู่ความสำเร็จมากระตุ้นเพื่อนร่วมชาติในการล้มโปรตุเกสของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิง รีล มาดริด เจ้าของแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลล่าสุด
“ที่เลสเตอร์เราเชื่อว่าทีมเล็กก็สามารถชนะทีมใหญ่ได้ และเราก็ไปชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ 3-1 ในบ้านของพวกเขาได้ ดังนั้นอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ และผมเป็นคนสุดท้ายที่จะเลิกเชื่อมัน”
ไมเคิล โอนีล กุนซือไอร์แลนด์เหนือ ทีมที่ถูกมองเป็นไม้ประดับในยูโรหนนี้เพราะเพิ่งได้สิทธิมาแข่งเป็นครั้งแรกก็ใช้แนวคิดจากทีมจิ้งจอกสยามกับแผนการเล่นของทีมเช่นกัน
โอนีลบอกว่า ไอร์แลนด์เหนือก็คล้ายๆ กับเลสเตอร์ ซิตี้ นักเตะชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกมาจากทีมโนเนมเหมือนกัน เลสเตอร์เล่นกันเป็นทีม เน้นการเซตบอล กองหลังก็สามารถขึ้นมาทำประตูเป็นกอบเป็นกำได้ เวส มอร์แกน กัปตันทีมเลสเตอร์ขึ้นมาโขกประตูได้สม่ำเสมอ และไอร์แลนด์เหนือก็มี แกเร็ธ แม็คออลี่ย์ กองหลังที่ซัด 3 ประตูในรอบคัดเลือก และเป็นรองดาวซัลโวของทีมในรอบคัดเลือกด้วย
ยูโร 2016 น่าจะเป็นบทพิสูจน์ว่า ความสำเร็จของเลสเตอร์ไม่ใช่ความเก่งกาจแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่นักเตะยังเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ และปรัชญาการทำทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็เอื้อต่อทีมเล็กๆ ที่โหยหาความสำเร็จเหนือทีมใหญ่ๆ อย่างแท้จริง
