‘เบรก’ สำคัญกว่าที่คิด เช็กกันสักนิดก่อนออกเดินทาง

ไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ หลายคนคงเลือกที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ เพื่อความสะดวกสบาย และยิ่งต้องเดินทางระยะไกลแล้ว หากมีการตรวจสอบความพร้อมใช้งานของรถยนต์ก่อนออกเดินทาง ก็ย่อมช่วยให้ลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ทั้งยังช่วยให้การเดินทางราบรื่นทั้งขาไปและกลับ

จะเอารถยนต์ออกไปขับบนท้องถนนทั้งที ไม่ว่าจะวิ่งทางใกล้ หรือ วิ่งทางไกลยาวๆ อย่าไปคาดหวังว่าถ้าเจอเรื่องฉุกเฉินจะมีศูนย์บริการรถยนต์อยู่ใกล้ๆ ยอมเสียเวลาสักนิด เช็ครถให้ชัวร์-รักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี จะได้ไม่เอื้อให้รถของเราเกิดอุบัติเหตุ โดยก่อนออกเดินทางควรจะมีการตรวจสอบดูแลอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งก็มีหลายจุดสำคัญที่ควรตรวจเช็คเพื่อความสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง หม้อน้ำ ที่ปัดน้ำฝน แบตเตอรี่ ระบบสัญญาณไฟ ระบบเกียร์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ระบบเบรก เพราะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการขับรถทางไกล ถ้าเบรกไม่ได้ขึ้นมาขณะขับจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ 

“เบรก” ถือเป็นอีกระบบหนึ่งที่มีความสำคัญมาก ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา หากจะตรวจสอบว่าระบบเบรกรถของเรามีความพร้อมแค่ไหน ตัวชี้วัดได้ดีที่สุด คือ “ผ้าเบรก” ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วหากวิ่งได้ประมาณ 30,000-40,000 กิโลเมตร ก็ควรจะเปลี่ยน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับและการใช้เบรกด้วย เพราะหากเป็นรถบรรทุกหนักและขับรถด้วยความเร็วสูง อายุผ้าเบรกก็จะสั้นกว่า 

ควรเปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อไหร่?

Advertisement

โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 50,000 กิโลเมตร ระยะเวลาการเปลี่ยนผ้าเบรกของรถแต่ละคันไม่เท่ากัน ก็ต้องดูจากหลายปัจจัย เช่น คุณภาพของผ้าเบรก น้ำหนักของตัวรถ และลักษณะการขับรถ แต่สัญญาณเตือนที่จะทำให้เรารู้ได้ง่ายๆ ก็คือ “เสียง” หากเบรกแล้วมีเสียงคล้ายเหล็กครูดเสียดสีกัน ต้องออกแรงเหยียบเบรกมากขึ้น นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนผ้าเบรก 

หรืออาจจะสังเกตที่สัญญาณไฟที่ขึ้นเตือนตรงแผงหน้าปัด เพราะนั่นหมายความว่า รถของเรากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรก ให้รีบตรวจเช็ค เพราะอาจเป็นได้ทั้ง ระดับน้ำมันเบรกในกระปุกที่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด หรือผ้าเบรคเริ่มมีการสึกไปบ้าง

น้ำมันเบรก เป็นตัวส่งกำลังเพื่อสร้างแรงดันในระบบเบรก สำหรับรถที่มีการใช้งานทั่วไปควรมีการเปลี่ยนน้ำมันเบรกปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อมีการใช้งานไปแล้วที่ระยะทางประมาณ 20,000 กิโลเมตร

Advertisement

อย่างไรก็ตาม “ผ้าเบรก” นับเป็นชิ้นส่วนสำคัญเลยก็ว่าได้ เราควรหมั่นตรวจเช็กผ้าเบรกและระบบเบรก อย่างน้อยทุกๆ 3 เดือน เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง

คอมแพ็ค พรีโม่” ทางเลือกสำหรับการเดินทางที่ปลอดภัย

ผ้าเบรกในเมืองไทยในปัจจุบันมีมากกว่า 100 ยี่ห้อ หลากหลายชนิดและหลายคุณภาพ ควรเลือกผ้าเบรกให้ตรงตามลักษณะการขับรถหรือการใช้งานผ้าเบรก และที่สำคัญควรเป็นผลิตภัณฑ์เบรกมาตรฐานการผลิตในระดับสากล 

ถ้าจะต้องเลือกผ้าเบรกสักหนึ่งยี่ห้อในตลาดรถยนต์เมืองไทยชุด “ผ้าเบรกคอมแพ็ค รุ่น Primo” จัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมล่าสุดจากทาง “คอมแพ็ค เบรก” ที่ออกมาตอบโจทย์เรื่องผ้าเบรกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการเบรกที่ดีเยี่ยม แกร่ง ทนความร้อนได้สูง และปลอดภัยในทุกช่วงอุณหภูมิ ภายใต้เทคโนโลยีการออกแบบและการผลิตที่สะอาด “Clean Drive Formulation Design” โดยจากผู้ใช้จริงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เร็วแค่ไหนก็เอาอยู่ เหยียบเต็ม Max ก็ไม่หวั่น เงียบ เฉียบทุกการเบรก หยุดอยู่ทุกสถานการณ์

ทำไมต้องผ้าเบรก “คอมแพ็ค พรีโม่”

กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่เน้นความสวยงามและความสะอาดของล้อ คงถูกอกถูกใจอยู่ไม่น้อย เพราะผ้าเบรกคอมแพ็ค รุ่นพรีโม่ (Compact Primo Brake) มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ เหมาะกับการขับขี่หลากหลายรูปแบบ ดังนี้ 

เทคโนโลยี Anti-Noise & Anti-Dust friction material formulation ที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งช่วยลดปัญหาเสียงดังขณะเบรกและลดปัญหาคราบเขม่าดำติดล้อ ที่เกิดจากการเบรก

  1. เทคโนโลยี Excellent Rotor Care ที่ช่วยให้จานดิสก์เบรกมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้วยคุณสมบัติการถ่ายเทฟิล์มจากเนื้อผ้าเบรกเคลือบไปยังผิวหน้าจานดิสก์เบรกอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คงความเรียบ และไม่ทำให้เกิดรอยบนหน้าจานดิสก์เบรกและเกิดการสึกหรอที่ต่ำ เมื่อเทียบกับผ้าเบรกทั่วไป
  2. คอมแพ็ค พรีโม่ ยังเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ โดยมีเทคโนโลยีแผ่นชิมพรีเมี่ยมจากประเทศสวีเดน (Multilayer Anti-Squeal Shim Technology) มาติดตั้งเข้ากับผลิตภัณฑ์ดิสก์เบรกทุกรุ่น เพื่อให้เป็นส่วนสำคัญในการ ดูดซับเสียงและแรงสั่นสะเทือนในขณะที่เหยียบเบรก โดยแผ่นชิมดังกล่าวประกอบไปด้วยยางเคลือบแผ่นเหล็กคุณภาพสูง จำนวน 4 ชั้น ซึ่งในขณะที่แตะเบรกผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความนุ่มและเงียบมากกว่าที่เคยสัมผัส พร้อมกันนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและทนแรงเสียดทานต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นในขณะที่เบรกด้วยชั้นกาวชนิดพิเศษ อีกด้วย
  3. Y Groove Technology เทคนิคการผ่าร่องผิวหน้าผ้าดิสก์เบรกให้เป็นรูปตัว Y ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกในสภาวะการใช้งานที่มีความร้อนสูง หรือการเบรกกะทันหันในขณะที่รถเคลื่อนที่เร็ว หรือการขับขี่ขึ้นลงเขาที่ต้องมีการเหยียบเบรกบ่อยๆ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายฝุ่นและระบายน้ำไปในตัวด้วย
  4. Thermal Scorched กระบวนการปรับผิวหน้าผ้าเบรกด้วยความร้อนในอุณหภูมิที่สูงถึง 600°C ทำให้ดิสก์เบรกพร้อมใช้งานโดยที่ไม่ต้องทำการ Run-in ในระยะ 200 กิโลเมตรแรก เรียกได้ว่าช่วยตอบโจทย์การขับขี่ในทุกช่วงอุณหภูมิและทุกช่วงระยะเวลาของการใช้งานอย่างแท้จริง

แม้การตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางอาจจะดูยุ่งยากเสียหน่อยแต่ก็คุ้มค่ากับความปลอดภัย ถ้าพบว่ารถของคุณมีอาการผิดปกติ ต้องเปลี่ยนผ้าเบรก จะเปลี่ยนใหม่ทั้งที ไม่ใช่แค่สินค้าดีมีคุณภาพ แต่ต้องแบรนด์ที่เชี่ยวชาญในตัวสินค้านั้นๆ ซึ่งนอกจาก “คอมแพ็ค” จะมีศูนย์บริการที่พร้อมดูแลคุณทุกที่ทั่วไทย ยังสามารถจองคิวล่วงหน้าได้ ไม่ว่าจะเช็ค หรือเปลี่ยนใหม่ ก็จะได้รับบริการจากช่างมืออาชีพ โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.compactbrakeservice.com/th/service 

หรือ สอบถามการจำหน่าย Compact Primo Brake ที่เฟซบุ๊ก “CompactBrakes” และ http://www.compact-brake.com 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image