‘ครั้งที่ 9’ คอลัมน์ บงฌูร์ยูโร

ฟุตบอลยูโรหนนี้ พอเพิ่มเป็น 24 ทีม เอาเข้ารอบ 16 ทีม กลายเป็นว่าการแบ่งสายในรอบน็อกเอาต์ ทำให้ทีมใหญ่ๆ กองกันอยู่ในสายเดียวทั้งหมด

หนึ่งในคู่ที่น่าจะถูกจัดว่าเป็น “ดรีม ไฟนัล” สำหรับแฟนบอลอย่าง “อัซซูรี่” อิตาลี จึงต้องมาปะทะกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี กันตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ทั้งสองทีมถือว่า เป็นทีมชั้นนำของโลก ที่ครองแชมป์โลกรวมกันได้ 8 สมัย แต่ในยุโรป กลับเป็นเยอรมนีที่ครองแชมป์มากกว่าคือ 3 ครั้ง ขณะที่อิตาลีได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

อัซซูรี่ของ อันโตนิโอ คอนเต้ แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีนักเตะเด่นดัง แต่ก็ใช้แทคติคเอาชนะคู่แข่งได้อย่างน่าดูชม คาเตนัชโช่ กลับฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง

Advertisement

ขณะที่อินทรีเหล็กตัวนี้เริ่มต้นได้ กระท่อนกระแท่น แต่เมื่อหาระบบที่ลงตัวได้ ก็พร้อมจะผงาดขึ้นมาเหมือนเมื่อปี 2014 ที่คว้าแชมป์โลกได้

ทั้งสองทีมเจอกันมาทั้งหมด 33 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกมอุ่นเครื่อง โดยเป็นอิตาลีชนะมากถึง 15 ครั้ง ขณะที่เยอรมนีชนะ 8 ครั้ง และเสมอกันไป 10 ครั้ง

ที่น่าสนใจที่สุดคือสถิติการเจอกันของสองทีมนี้ในเวทีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลยูโรนั้น อิตาลีไม่เคยแพ้ให้กับเยอรมนีสักครั้งเดียวจากการพบกันถึง 8 ครั้ง

Advertisement

มองจากฟอร์มของทั้งสองทีมตอนนี้แล้ว อาวุธของอิตาลีแน่นอนคือเกมรับแล้วสวน ทว่าการเจอกับเยอรมนีนั้น เกมรุกไม่ได้อ่อนปวกเปียกเหมือนกับสเปนที่เจอมาในรอบก่อนหน้า อีกทั้งอินทรีเหล็กยังเป็นทีมเดียวที่ยังไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้

ทีมของ โยอาคิม เลิฟ เป็นทีมที่สร้างโอกาสยิงได้ถึง 78 ครั้ง เป็นอันดับ 3 รองจาก เบลเยียม และ โปรตุเกส ในขณะที่ประตูเฉลี่ยแต่ละนัดนั้นคือ 1.5 ประตู

โดยเฉพาะหลังจากปรับมาใช้ มาริโอ โกเมซ เป็นกองหน้าตัวเป้าแล้ว เกมรุกของเยอรมนีดีขึ้นทันตาเห็น

อีกจุดสำคัญของเกมนี้คือการดวลกันของสองผู้รักษาประตูที่ขึ้นชื่อว่าเหนียวที่สุดในโลกด้วยกันทั้งคู่อย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ของอิตาลี กับ มานูเอล นอยเออร์ ของเยอรมนี

ดูแล้วเกมนี้ใครเปิดประตูแรกได้ก่อน มีโอกาสชนะค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ครั้งที่ 9 ของเยอรมนีจะโชคดี หรืออิตาลีจะย้ำชัย นักเตะทั้งสองทีมจะเป็นคนให้คำตอบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image