‘ยูโร 2020’ มหกรรมโม่แข้งสุดซับซ้อน

 

สำหรับแฟนบอลที่ผิดหวังกับทีมรัก หรือเริ่มมองข้ามช็อตไปถึงการแข่งขัน ยูโร 2020 ในอีก 4 ปีข้างหน้าแล้ว ข้อควรรู้และเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว คือข้อเท็จจริงที่ว่าศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหนหน้า จะเป็นครั้งที่มีความซับซ้อนและวุ่นวายที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

เหตุผลสำคัญก็คือ ยูโร 2020 นั้น จะเป็นวาระสำคัญฉลองครบรอบ 60 ปีของการแข่งขัน สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) โดยการนำของ มิเชล พลาตินี่ อดีตประธานผู้อื้อฉาว จึงมีมติเฉลิมฉลองแบบที่นโปเลียนลูกหนังให้คำจำกัดความว่า “โรแมนติก” ด้วยการกระจายการแข่งขันไปตามเมืองใหญ่ๆ ในหลายประเทศทั่วทวีปยุโรป

 

Advertisement

2
หลังจากเปิดให้เสนอตัวแล้ว ในท้ายที่สุดได้ข้อสรุปว่าจะเวียนจัด 13 สนาม ใน 13 ประเทศ แบ่งเป็นแพ็คเกจ 3 ระดับ ดังนี้ แพ็คเกจรอบแบ่งกลุ่ม+รอบ 16 ทีมสุดท้าย 8 สนาม ได้แก่ ยูโรสเตเดียม กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม, เทเลีย ปาร์เกน กรุงโคเปเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก, นิวปุสกัส เฟเรนก์ สเตเดียม กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี, อาวิว่า สเตเดียม กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์, อัมสเตอร์ดัม อารีน่า กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์, อารีน่า เนชั่นนาล่า กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย, แฮมป์เดนปาร์ก เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ และ ซาน มาเมส สเตเดียม เมืองบิลเบา ประเทศสเปน / แพ็คเกจรอบแบ่งกลุ่ม+รอบ 8 ทีมสุดท้าย 4 สนาม ได้แก่ บากู เนชั่นแนล สเตเดียม กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน, สตาดิโอ โอลิมปิโก้ กรุงโรม ประเทศอิตาลี, เครสตอฟสกี้ สเตเดียม นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย และ อัลลิอันซ์ อารีน่า นครมิวนิก ประเทศเยอรมนี / แพ็คเกจรอบรองชนะเลิศ+รอบชิงชนะเลิศ 1 สนาม ได้แก่ เวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

และเนื่องด้วยมีประเทศที่ได้รับเลือกเป็น “เจ้าภาพ” ถึง 13 แห่ง ยูโรหนนี้จึงไม่มีชาติไหนได้โควต้าเข้ารอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติในฐานะเจ้าภาพ และหมายความว่าแม้สนามของประเทศใดประเทศหนึ่งจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่ทีมตัวแทนของชาตินั้นๆ อาจจะไม่ได้ร่วมแข่งด้วยก็เป็นได้!

ปลายปี 2014 ยูฟ่าได้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกทีมเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2020 รวม 24 ทีมออกมาโดยอิงการเกิดใหม่ของ ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก หรือลีกลูกหนังระดับทีมชาติที่จะออกสตาร์ตในฤดูกาล 2018-19

ทั้งนี้ ต้องหมายเหตุตัวโตๆ ไว้ก่อนว่า ยูฟ่าคลอดกฎทั้งหมดนี้ก่อนที่จะรับรอง โคโซโว เป็นสมาชิกประเทศที่ 55 เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2016 จึงไม่ชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือไม่

 

ภาพจาก www.uefa.com
ภาพจาก www.uefa.com

ในส่วนของรอบคัดเลือกตามปกตินั้น กินเวลาระหว่างเดือนมีนาคม-พฤศจิกายนปี 2019 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 10 กลุ่ม โดย 4 กลุ่ม มี 6 ทีม และ 6 กลุ่มมี 5 ทีม แชมป์และรองแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะได้สิทธิเข้ารอบสุดท้ายทันที รวม 20 ทีม ไม่มีการจัดทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดเข้ารอบสุดท้ายเหมือนกับคราว ยูโร 2016 ส่วนโควต้าที่เหลืออีก 4 ทีม จะมาจากยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

ลีกฟุตบอลเกิดใหม่ที่ว่านี้ใช้หลักการเดียวกับลีกลูกหนังระดับสโมสร แบ่งออกเป็น 4 ลีก หรือ 4 ดิวิชั่น ลีกเอมี 12 ทีม, ลีกบี 12 ทีม, ลีกซี 14 ทีม และลีกดี 16 ทีม มีการขึ้นชั้นตกชั้นแบบฟุตบอลลีก ซึ่งแชมป์ลีกเอถือเป็นแชมป์สูงสุดของยูฟ่า เนชั่นส์ลีก โดยจัดอันดับทีมเข้าร่วมแต่ละดิวิชั่นตามค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่าหลังศึก ฟุตบอลโลก 2018 และแต่ละลีกจะจัดกลุ่มย่อย 4 กลุ่ม กลุ่มละ 3 หรือ 4 ทีม

 

3
ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ใช้เวลาแข่งขัน 2 ปี แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก แข่งขันระบบพบกันหมดในกลุ่มย่อยแบบเหย้า-เยือน ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายนในปีที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ ส่วนช่วงที่สอง รอบชิงแชมป์ลีก จะให้ทีมแชมป์กลุ่มย่อย 4 ทีมของลีกเอ มาแข่งขันกันในระบบน็อกเอาต์ในเดือนมิถุนายนปีที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ เพื่อหาแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก

สำหรับโควต้า 4 ทีมสุดท้ายจากยูฟ่า เนชั่นส์ลีกนั้น จะให้สิทธิทีมที่อันดับดีที่สุดในแต่ละดิวิชั่น 4 ทีมซึ่งยังไม่ได้โควต้าจากการแข่งขันรอบคัดเลือกตามปกติมาเพลย์ออฟกัน โดยทีมที่มีสถิติดีที่สุดพบทีมอันดับ 4 ส่วนทีมสถิติดีอันดับ 2 พบอันดับ 3 ให้สิทธิชาติที่สถิติดีกว่าได้เล่นในบ้าน เตะแบบน็อกเอาต์หาผู้ชนะเข้าไปชิงโควต้าของแต่ละลีก โดยกรณีที่ลีกใดลีกหนึ่งมีทีมที่ได้โควต้าไปครบถ้วนแล้วก็ให้สิทธิทีมสถิติดีสุดของดิวิชั่นถัดไปได้โควต้าที่เหลือแทน

ทั้งนี้ การแข่งขันรอบเพลย์ออฟดังกล่าวกำหนดไว้ในเดือนมีนาคมปี 2020 หรือก่อนแข่งยูโร 2020 รอบสุดท้ายประมาณ 3 เดือน

สำหรับการเพิ่มเติมทีมโคโซโวจะทำให้แนวทางการคัดเลือกปรับเปลี่ยนไปอย่างไรหรือไม่ หรือจะเอาไปเสียบลงกลุ่มไหน คงต้องรอฟังจากยูฟ่ากันอีกที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image