กองทัพต้องเดินด้วยท้อง โดยเฉพาะทัพนักเตะถ้าท้องไม่อิ่ม ขาก็วิ่งไม่ไหว และแน่นอนว่าในทัวร์นาเมนต์อย่างยูโร ย่อมต้องมีการเตรียมเมนูพิเศษๆ เพื่อสร้างความสุขบนโภชนาการที่เหมาะสมให้นักเตะตามสไตล์ของประเทศตัวเองกันทุกทีม
แข้ง อังกฤษ ต้องกินข้าววันละ 5 มื้อ ปรุงโดยเชฟ ทิม ดีอาธ เชฟมือทองที่เคยทำอาหารในครัวของฮอลลีวู้ด เมนูที่น่าหม่ำก็มีชิกเก้นแร็พ หรือประมาณไก่ห่อแป้งม้วนๆ มีผักโขมอยู่ข้างใน รวมทั้งเมนูอย่างซูชิ ซาชิมิ สลัดแบบออร์กานิคพร้อมเนื้อแดง ของหวานก็มีเค้กข้าวโอ๊ต คอทเทจชีสเสิร์ฟพร้อมแซลมอน แอปเปิ้ลครัมเบิล คัสตาร์ดและบราวนี่
ด้าน “เจ้าภาพ” ฝรั่งเศส ได้เล่นในบ้านแล้ว อาหารย่อมต้องพิเศษกว่าใครๆ ห้ามมีอาหารแช่แข็งเป็นส่วนประกอบเด็ดขาด นักเตะตราไก่ 23 คนจะรับประทานผักและผลไม้รวม 50 กก.ต่อวัน พาสต้า 100 กก.ต่อสัปดาห์ และกินช็อกโกแลตได้นิดหน่อย โค้ช ดิดิเย่ร์ เดส์ชองป์ อนุญาตให้ลูกทีมกินเบอเกอร์แจ่มๆ กับพิซซ่าอร่อยๆ ได้หลังจบแมตช์แข่งขันได้ ถึงจะไม่ค่อยเฮลท์ตี้เท่าไรก็เถอะ
อันโตนิโอ คอนเต้ ทำร้ายจิตใจนักเตะอิตาลีอย่างรุนแรงด้วยการสั่งห้ามกินพาสต้า อาหารประจำชาติตัวเอง รวมทั้งพิซซ่า ครัวส์ซองต์ เบรดสติ๊ก มันฝรั่งทอด หรือแม้กระทั่งไอศครีม แต่เว้นไว้สำหรับพาสต้าที่ทำจากข้าวสาลีโคราซานที่มีโปรตีน วิตามินบีและไฟเบอร์สูง อารมณ์คงเหมือนห้ามคนไทยกินข้าวสวยร้อนๆ นั่นแหละ
“แชมป์โลก” เยอรมนี ใช้เชฟ โฮลเกอร์ สตรอมเบิร์ก เชฟระดับมิชลินสตาร์มาดูแลอาหารตั้งแต่ปี 2007 และนำเข้าเครื่องเทศ เครื่องปรุงที่ดีที่สุดมาจากประเทศตัวเอง เมนูเด็ดของสตรอมเบิร์ก คือ แป้งนึ่งโรยด้วยเมล็ดฝิ่น แต่ก็พยายามระวังไม่ให้มีผลต่อการถูกตรวจโด๊ปได้เป็นอย่างดี
เคล็ดลับการเข้ารอบตัดเชือกแบบสุดเซอร์ไพรส์ของเวลส์อาจจะมาจากการที่ คริส โคลแมน เฮดโค้ชของทีมอนุญาตให้นักเตะกินจั๊งก์ฟู้ดส์ได้ในบางวัน แกเร็ธ เบล สวาปามเบอเกอร์กับมันฝรั่งทอด ต่อด้วยแพนเค้กนูเทลล่าและขนมที่เต็มไปด้วยน้ำตาล
สงสัยว่าทัวร์นาเมนต์หน้าคงมีหลายทีมที่จะต้องใช้เคล็ดลับนี้บ้างแน่ๆ
