“มังกรแดง” เวลส์ สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของศึก “ยูโร 2016” ในการตบเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกหลังจากรวมพลังสู้ด้วยทีมเวิร์กแซง คว้าชัยเหนือ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม 3-1
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่ผ่านมา 14 ครั้ง ทีมชาติเวลส์ไม่เคยผ่านเข้ามาร่วมชิงชัยได้เลย โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทีมชาติเวลส์ผ่านจากรอบคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้าย ก่อนกลายเป็นชาติแรกที่ทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือกในการลงแข่งขันครั้งแรก นับตั้งแต่ สวีเดน เคยทำได้เมื่อปี 1992
แม้ทัพมังกรแดงจะมีแข้งสตาร์ดังตัวชูโรงอย่าง แกเร็ธ เบล ปีกค่าตัวแพงที่สุดในโลกจาก รีล มาดริด และ อารอน แรมซีย์ เพลย์เมกเกอร์จาก อาร์เซน่อล ซึ่งทั้งคู่ก็สามารถทำผลงานได้ดี แต่เวลส์ไม่ได้มีเพียง 2 คนนี้ เพราะทุกคนต่างช่วยกันเล่นด้วยระบบทีมเวิร์กที่พร้อมสู้ไม่มีถอย
กุนซือ คริส โคลแมน เข้ามาคุมทัพมังกรแดงต่อจากเพื่อนสนิทผู้ล่วงลับอย่าง แกรี่ สปีด เมื่อปี 2012 และโคลแมนเข้ามาเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ทีมยุคใหม่ที่ถือได้ว่าเป็นยุคทองแห่งประวัติศาสตร์ของทีมชาติเวลส์ได้เลยทีเดียว
โคลแมนกำลังเขียนเทพนิยายมังกรแดงลงในบันทึกแห่งยุโรป และถึงตอนนี้เหลือเพียงบันไดอีกเพียง 2 ก้าวเท่านั้นที่จะสร้างเทพนิยายให้เกิดขึ้นจริง แต่ก้าวย่างต่อไปนั้นต้องเจอกับขวากหนามสำคัญอย่าง “ฝอยทอง” โปรตุเกส ในรอบรองชนะเลิศ
เวลส์จะลงเตะกับโปรตุเกสในรอบตัดเชือก ซึ่งแน่นอนว่าแกเร็ธ เบลจะมีโอกาสได้ปะทะแข้งกับเพื่อนร่วมต้นสังกัดสตาร์ดังก้องโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่เมื่อเทียบระบบทีมเวิร์กกันแล้ว ทัพมังกรแดงเล่นด้วยกันเป็นทีมได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
หากผ่านไปได้เวลส์จะสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรก และกลายเป็นทีมจากสหราชอาณาจักรทีมแรกที่ผ่านเข้าถึงรอบชิงสำเร็จ และถ้าเวลส์ก้าวไปถึงแชมป์ได้ก็จะกลายเป็นการสร้างเทพนิยายในศึกยูโรอีก ครั้งหลังจาก กรีซ เคยสร้างเทพนิยายครั้งล่าสุดเมื่อปี 2004
ที่ผ่านมาทีมชาติเวลส์ไม่เคยคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และผลงานดีที่สุดคือการผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลก เมื่อปี 1958 ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขา ส่วนในศึกยุโรปครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกแห่งประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำไปตลอด กาลของเวลส์เลยทีเดียว
และบันไดอีก 2 ขั้นที่เหลือคงไม่ยากเกินไปที่จะก้าวไปสร้างเทพนิยายมังกรแดงให้เกิดขึ้นจริง…
