“มาร์ก แคลทเทนเบิร์ก” ถ้า “เวลส์” มา ฉันจะไป

ข่าวดีของชาวสหราชอาณาจักร คือ เวลส์ สร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ยูโร 2016 แต่อาจจะไม่ใช่ข่าวที่ มาร์ก แคลทเทนเบิร์ก กรรมการชาวอังกฤษแฮปปี้เท่าไร เพราะถ้าทีมมังกรแดงไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ เขาจะไม่มีสิทธิได้ตัดสินเกมรอบชิงชนะเลิศที่เชิ้ตดำหลายคนใฝ่ฝันแน่นอน

ยูฟ่ามีกฎไม่ให้กรรมการจากสหราชอาณาจักรตัดสินเกมที่ ไอร์แลนด์เหนือ อังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์เตะ ไม่ว่าจะเป็นแมตช์ที่ประเทศตัวเองเตะหรือไม่ ซึ่งจะทำให้แคลทเทนเบิร์กชวดทำสถิติเป็นเปาที่ได้เป่ารอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ อังกฤษ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกและยูโรหรือฟุตบอลโลกครบทั้ง 3 รายการใหญ่ในปีเดียว คนแรกในประวัติศาสตร์

คณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสินของยูฟ่าวางแคลทเทนเบิร์กไว้ให้ตัดสินรอบรองชนะเลิศ ระหว่าง เยอรมนี กับ โปรตุเกส หรืออาจจะได้ไปตัดสินรอบชิงชนะเลิศ ในกรณีที่เวลส์ไม่ผ่านเข้ารอบชิง เนื่องจากประทับใจการควบคุมสถานการณ์ที่แฟนบอลโครแอตขว้างพลุแฟลร์ลงมาในสนามในแมตช์ระหว่าง โครเอเชีย-เช็ก

นานมากแล้วที่เชิ้ตดำชาวผู้ดีไม่ได้รับเกียรติในการตัดสินรอบชิงดำของยูโร ต้องนับย้อนไปในปี 1964 ที่ อาร์เธอร์ ฮอลแลนด์ เป็นกรรมการอังกฤษคนสุดท้ายที่ได้ทำหน้าที่นี้ และตั้งแต่ โฮเวิร์ด เว็บบ์ ตัดสินรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 เป็นต้นมา ก็ยังไม่เคยมีกรรมการอังกฤษตัดสินในรอบชิงยูโรและฟุตบอลโลกอีกเลย

Advertisement

จากการที่เวลส์ยังคงอยู่ในทัวร์นาเมนต์นี้ ทำให้แคลทเทนเบิร์กมีข้อจำกัดกว่า นิโกล่า ริซโซลี่ เปาอิตาเลียน ที่ทีมชาติของตัวเองตกรอบไปแล้ว หรือ บียอร์น ไคเปอร์ส เชิ้ตดำชาวดัตช์ ซึ่งเนเธอร์แลนด์ไม่ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย

นาทีนี้ไม่ว่าเวลส์จะเข้าชิงหรือแคลทเทนเบิร์กจะได้ทำหน้าที่เป่ารอบชิงชนะเลิศก็สร้างประวัติศาสตร์ได้ทั้งหมด แต่เวลส์ได้เปรียบตรงที่ใช้ความสามารถของตัวเองทำเพื่อประเทศตัวเอง แต่กรรมการจากอังกฤษต้องแช่งให้ทีมจากสหราชอาณาจักรตกรอบ

ถ้าแคลทเทนเบิร์กไม่ถืออีโก้ในความเป็นอิงลิชชนจนเกินไป เทพนิยายมังกรแดงน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่ควรถูกบันทึกมากกว่า

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image