ถึงแม้ว่าฟุตบอลทีมชาติจีน จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับยูโร รวมทั้งไม่ได้เข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายใน 3 ครั้งหลัง เอาจริงๆ จีนเก่งแทบจะทุกเรื่อง แต่กลับยังไม่สามารถพัฒนาฟุตบอลทีมชาติของตัวเองให้เป็นมหาอำนาจได้เสียที
แต่ธุรกิจเอกชนของจีนก็เดินหน้าพาตัวเองเข้าสู่เวทีลูกหนังระดับโลกกันหลายราย โดยเฉพาะในยูโร 2016 ไฮเซนส์ (Hisense) บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของจีนทุ่มงบประมาณ 370 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,850 ล้านบาท เพื่อเป็นสปอนเซอร์ยูโรหนนี้ โดยงบเหยียบสองพันล้านบาทเป็น 1 ใน 4 ของกำไรที่บริษัททำได้เมื่อปีที่แล้ว
รูเพิร์ต พรัตต์ ผู้อำนวยการ “มอนกู๊ส” บริษัทที่ปรึกษาด้านกีฬาและความบันเทิงบอกว่า ถ้าอยากจะทำให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จักในช่วงข้ามคืน การเข้าไปเป็นสปอนเซอร์เป็นวิธีที่เหมาะที่สุด และมีสมมติฐานว่า ผู้ถือลิขสิทธิ์งานใหญ่ๆ ไม่มีทางจะยอมร่วมทำธุรกิจกับแบรนด์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
นั่นหมายถึงว่า การลงทุนของไฮเซนส์คุ้มค่ามาก เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของยูโร
ก่อนหน้านี้ หวันต้า กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีนก็เข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และกลายเป็นบริษัทจากจีนแห่งแรกที่เข้าไปร่วมสนับสนุนฟีฟ่าด้วย
ยูโร 2016 ได้รับความสนใจจากชาวจีนอย่างมาก ซึ่งการได้เห็นไฮเซนส์เป็นสปอนเซอร์คงจะกระตุ้นยอดขายในจีนได้เป็นอย่างดี ขณะที่ยอดการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ในช่วงยูโรเพิ่มมากขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสัปดาห์แรกของการแข่งขัน
อาลีบาบา เว็บไซต์ขายของออนไลน์รายงานว่ายอดขายเบียร์เพิ่ม 40.8 เปอร์เซ็นต์ และขนมเพิ่ม 39.03 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน
จีนสร้างฐานของการเป็นชาติยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลไว้ค่อนข้างแน่นหนาแล้ว ทั้งการทุ่มเงินซื้อนักเตะระดับโลกไปเล่นในไชนีส ซุเปเปอร์ลีก ซื้อทีมในลีกยุโรป สนับสนุนทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ สร้างความกระหายในตัวแฟนบอลและนักเตะ อีกไม่นานน่าจะได้เห็นจีนกลับสู่ฟุตบอลฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้อีกครั้ง
