‘เจ้าภาพ’ ผู้ไร้พ่าย สถิติ 32 ปี ที่ ‘ฝรั่งเศส’ ต้องสานต่อ

ฝรั่งเศส เจ้าภาพฟุตบอลยูโร 2016 ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ในบ้านตัวเองอีกครั้ง ทีมตราไก่มีสถิติที่น่าสนใจในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลระดับเมเจอร์ คือ 4 ครั้งที่เป็นเจ้าภาพก่อนหน้านี้ คว้าแชมป์ได้ถึง 2 รายการ คือ ยูโร 1984 และฟุตบอลโลก 1998 ส่วนครั้งที่พลาดแชมป์ต้องย้อนกลับไปที่ฟุตบอลโลก 1938 และยูโร 1960 ที่ถือเป็นการแข่งขันครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ฟุตบอลโลก 1938 หรือฟุตบอลโลกหนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ และเป็นเวิลด์คัพหนแรกที่เจ้าภาพและแชมป์เก่าอย่าง อิตาลี ได้สิทธิแข่งขันอัตโนมัติ ฝรั่งเศสอัด เบลเยียม 3-1 ในรอบแรกหรือรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม แต่เข้ารอบ 8 ทีมมาแพ้อิตาลี 1-3 ตกรอบไป

ถัดมาที่ยูโร 1960 แข่งขันทั้งหมด 17 ทีม และจับคู่เตะระบบเหย้า-เยือน ในรอบแรกและรอบสอง ก่อนจะคัดเอา 4 ทีมในรอบรองชนะเลิศ มาเตะที่ฝรั่งเศส ทีมที่ผ่านเข้ารอบมามี เชกโกสโลวาเกีย, ยูโกสลาเวีย สองชาติคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น รวมทั้งฝรั่งเศส ส่วนอีกทีมหนึ่งเป็น สหภาพโซเวียต ที่ชนะบาย สเปน เข้ามา เนื่องจากสเปนไม่ต้องการเดินทางไปเตะนัดเยือนที่โซเวียต เพราะมีปัญหาสงครามกันอยู่

อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้นเจ้าภาพแพ้ทั้งรอบตัดเชือกและรอบชิงที่ 3 โดนยูโกสลาเวียเฉือนชนะ 5-4 แบบสนุก ทั้งๆ ที่นำก่อน 4-2 ชวดเข้าชิง ก่อนจะไปแพ้เชกโกสโลวาเกีย 0-2 ไม่ได้แม้แต่อันดับ 3
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาฝรั่งเศสยังไม่เคยแพ้ใครในบ้านตัวเองในการเป็นเจ้าภาพยูโรและฟุตบอลโลกแม้แต่นัดเดียว

Advertisement

สถิติแกร่งในยามเป็นเจ้าภาพเริ่มต้นที่ยูโร 1984 ครั้งนั้นแข่งขันรอบสุดท้ายเพียง 8 ทีม แชมป์และรองแชมป์กลุ่มจะมาไขว้เจอกันในรอบรองชนะเลิศ มิเชล พลาตินี่ ตำนานนักเตะของทีมเลส์ เบลอ สร้างสถิติที่ยังไม่มีใครลบได้ไว้ในยูโรครั้งนี้ ด้วยการยิง 9 ประตูในทัวร์นาเมนต์เดียว และยิงทั้ง 5 นัดที่ลงสนาม

ฝรั่งเศสชนะ เดนมาร์ก 1-0 ชนะเบลเยียม 5-0 และถอนแค้นยูโกสลาเวีย 3-2 คว้าแชมป์รอบแบ่งกลุ่มแบบสบายๆ เข้ารอบตัดเชือกไปยิงแซงชนะ โปรตุเกส 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และปราบสเปนไปนิ่มๆ 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์ยูโรหนแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมกับความยิ่งใหญ่ของพลาตินี่ที่คว้าทั้งดาวซัลโว ผลงาน 9 ประตู และเป็นผู้ยิงประตูเร็วที่สุดในนาทีที่ 3 นัดเจอเบลเยียม

ฟุตบอลโลก 1998 เจ้าภาพชนะ 3 นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่มตามคาด ถล่ม แอฟริกาใต้ 3-0 ขยี้ ซาอุดีอาระเบีย 4-0 เชือดเดนมาร์ก 2-1 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมไปเจอ ปารากวัย แต่กว่าจะส่งบอลผ่านมือ โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต นายทวารชื่อดังของปารากวัยเป็นประตูชัย 1-0 ได้ ต้องรอถึงช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 114 จาก โลร็องต์ บล็องก์ หลังจากนั้นเจอของแข็งอย่างอิตาลี รองแชมป์โลก 1994 และใช้ดวงเอาชนะจุดโทษ 4-3 หลังเสมอในเวลา 0-0 เข้ารอบตัดเชือกเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์

Advertisement

มาถึงรอบตัดเชือกทัพตราไก่ของ ซีเนอดีน ซีดาน เจอม้ามืดอย่าง โครเอเชีย ดาวอร์ ซูเคอร์ ดาวซัลโวฟุตบอลโลกหนนั้นยิงนำ 1-0 แต่ ลิลิยอง ตูราม กองหลังตัวเก่งก็จัดการทำคนเเดียว 2 ประตูให้ทีมเข้าไปชิงชนะเลิศได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ซึ่งต้องไปเจอกับแชมป์โลก 4 สมัยและแชมป์เก่า บราซิล ฝรั่งเศสหักปากกาเซียนถล่มขาดลอย 3-0 คว้าแชมป์ไปครองพร้อมรักษาสถิติไม่แพ้ใครในการเป็นเจ้าภาพต่อจากยูโร 1984 ได้อย่างสวยงาม

ยูโร 2016 ตราไก่ของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็ยังคงไม่แพ้ใคร ชนะ โรมาเนีย 2-1 ชนะ แอลเบเนีย 2-0 เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0 คว้าแชมป์กลุ่ม ขย้ำ ไอร์แลนด์ 3-1 ในรอบ 16 ทีม สอนบอล ไอซ์แลนด์ 5-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ

อีกเพียงสองแมตช์ในรอบรองชนะเลิศกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ดีกรีแชมป์โลก และถ้าทำได้ก็จะเหลืองานสุดท้ายในรอบชิงดำ ซึ่งถ้าฝรั่งเศสคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง จะเป็นความไร้เทียมทานในแผ่นดินของตัวเองต่อเนื่องยาวนานถึง 32 ปี และจะเพิ่มเติมออกไปจนกว่าที่ประเทศนี้จะได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลระดับเมเจอร์อีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image