แฟนบอลอังกฤษต้องคุ้นชื่อของ มาร์ก แคลทเทนเบิร์ก ผู้ตัดสินคนดังที่ได้ทำหน้าที่ในแมตช์ใหญ่ๆ มาตลอด แต่ก็มีการตัดสินที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลายครั้ง อย่างไรก็ตามแคลทเทนเบิร์กก็สามารถพาตัวเองมาเป็นเชิ้ตดำในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2016 และผู้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของผู้ตัดสินอังกฤษอีกด้วย
แคลทเทนเบิร์กเริ่มอาชีพผู้ตัดสินฟุตบอล ตั้งแต่ปี 1990 ตอนนั้นมีอายุเพียง 18 ปี ตัดสินในลีกระดับล่างของอังกฤษ ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ และเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าในปี 2006 ด้วยวัย 30 ปี ก่อนจะมาทำหน้าที่ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2008 แต่ก็ยังไม่ได้ทำหน้าที่ในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ จนมาถึงปี 2010 ฟีฟ่าเลือกเขาให้ตัดสินฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก ระหว่าง อาเซอร์ไบจาน กับ รัสเซีย ในปี 2009 ถือเป็นการเปิดฉากการสร้างประวัติศาสตร์กรรมการเมืองผู้ดีนับตั้งแต่วันนั้น
แคลทเทนเบิร์กเป็นผู้ตัดสินที่ได้รับความไว้วางใจให้เป่าในเกมใหญ่ๆ ในหลายปีหลัง ศึกลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 2012 ที่ ลิเวอร์พูล ชนะจุดโทษ คาร์ดิฟฟ์ ฟุตบอลชาย โอลิมปิกเกมส์ 2012 รอบชิงชนะเลิศ จนมาถึงปีนี้เขาได้ตัดสินรอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 3 รายการติดต่อกัน ทั้งฟุตบอลเอฟเอคัพ ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รวมทั้งยูโร 2016 ระหว่าง โปรตุเกส กับ ฝรั่งเศส ด้วย ซึ่งจากผลงานตรงนี้ทำให้เขาเป็นเปาอังกฤษคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกชื่อว่าได้ทำหน้าที่รอบชิง 3 รายการนี้ในปีเดียวกัน
รวมทั้งปิดฉากการที่ไม่มีเปาอังกฤษได้ตัดสินยูโร รอบไฟนัลมา 52 ปี หลังจากอาร์เธอร์ ฮอลแลนด์ เคยทำหน้าที่ในนัดชิงยูโร เมื่อปี 1964
