ในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส มีประชากรชาวโปรตุกีส 600,000 คนอาศัยอยู่ และถ้ารวมทั่วประเทศมีจำนวนมากกว่า 1.2 ล้านคน
ชาวโปรตุกีสอพยพเข้ามาฝรั่งเศสจำนวนมากระหว่างทศวรรษที่ 60 และ 70 เพราะในช่วงนั้น โปรตุเกสมีการปกครองในระบอบเผด็จการโดย อันโตนิโอ เด โอลิเวียร่า ซาลาซ่าร์ ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นประเทศที่ยากจน และได้รับผลกระทบจากสงครามโลก ครั้งที่ 2 ประชากรจำนวนมากต้องการจะหนีไปหาชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น รวมทั้งไม่ต้องการไปเป็นทหารในสงคราม ขณะที่ฝรั่งเศสเองก็ต้องแรงงานราคาถูกที่จะไปช่วยฟื้นฟูประเทศหลังสงครามโลกเช่นกัน
ปารีสในปัจจุบันถูกยกให้เป็นเมืองที่มีประชากรโปรตุกีสอาศัยอยู่มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากกรุงลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกสเท่านั้น
รอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2016 ระหว่างโปรตุเกส กับ ฝรั่งเศส ที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ความรู้สึกของผู้อพยพจากบ้านเกิดมาสู่แผ่นดินใหม่ที่ทำให้ลืมตาอ้าปากได้หลายคน ย่อมสับสนว่าจะเชียร์ทีมไหนดี
อันโตนิโอ ซิเนร่า พนักงานขับรถที่อพยพมาปารีสเมื่อ 20 ปีที่แล้วบอกว่า มั่นใจมากว่าโปรตุเกสจะคว้าแชมป์ได้ แต่ถ้าฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะก็มีความสุขเช่นกัน
ดาวิด ดอส ซานโตส ที่อาศัยอยู่ย่านชองปิงยี ชานเมืองกรุงปารีสซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวโปรตุกีสอพยพอาศัยอยู่จำนวนมากบอกว่า “ไม่ว่าใครชนะ พวกเราจะไปฉลองที่ประตูชัย”
อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสที่เอาชนะโปรตุเกสมาได้ 10 นัดหลังสุดที่พบกัน ตั้งแต่ปี 1975 ทำให้ผู้แพ้ตลอดกาลอยากจะแก้แค้นให้ได้เสียที โดยเฉพาะซิเนร่าที่อยากจะเห็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่โปรตุเกสเป็นผู้ชนะได้บ้าง
ฟุตบอลยูโร 2016 ถึงฉากจบโดยสมบูรณ์แบบแล้ว ความเศร้า การเฉลิมฉลอง และความสนุกตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาจะเป็นถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์และความทรงจำของทุกคนที่ได้สัมผัส
นี่คือสิ่งที่ฟุตบอลมอบให้กับมนุษย์ โดยไม่เลือกว่ามนุษย์เหล่านั้นจะเป็นชนชาติใดก็ตาม