‘ยูโร’ เวอร์ชั่น 24 ทีม เวทีปล่อยของเพื่อชาติเล็กๆ

ยูโร 2016 เป็นอีกการเปลี่ยนแปลงของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอย่างชัดเจน คือ การเพิ่มจาก 16 เป็น 24 ทีมในรอบสุดท้าย ซึ่งมีผลกระทบทั้งด้านดีและไม่ดีหลายอย่าง

ด้านบวกคือ รายรับและกำไรของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) จะได้รับมากขึ้น ยูโร 2012 ที่มี 16 ทีม ยูฟ่าได้กำไร 593.7 ล้านยูโร หรือประมาณ 23,154.3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากแล้วในขณะนั้น เป็นรองเพียงฟุตบอลโลกเท่านั้น แต่เมื่อเพิ่มทีมเข้ามากำไรในยูโร 2016 เพิ่มขึ้นเป็น 830 ล้านยูโร ประมาณ 32,370 ล้านบาท เมื่อเทียบกันแล้วพุ่งขึ้น 34 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับการเพิ่มจำนวนทีมให้มากขึ้น 8 ทีม หรือ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์เช่นกัน

สำหรับรายรับจากยูโร 2016 มีทั้งสิ้น 1.93 พันล้านยูโร(75,270 ล้านบาท) จากค่าขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอด 1 พันล้านยูโร(39,000 ล้านบาท) สปอนเซอร์ 480 ล้านยูโร(18,720 ล้านบาท) และรายได้จากการขายบัตรเข้าชม 400 ล้านยูโร(15,600 ล้านบาท) ส่วนรายจ่าย ใช้ในการจัดการแข่งขัน 650 ล้านยูโร(25,350 ล้านบาท) เงินรางวัล 301 ล้านยูโร(11,739 ล้านบาท) และค่าชดเชยให้สโมสรที่ปล่อยนักเตะมาร่วมแข่งขัน 150 ล้านยูโร(5,850 ล้านบาท)

ไอเดียการเพิ่มทีมของ มิเชล พลาตินี่ อดีตประธานยูฟ่าผู้อื้อฉาวได้รับคำชมอย่างมาก ธีโอดอร์ ธีโอดอริดิส รักษาการเลขาธิการทั่วไปของยูฟ่า และ อังเคล มาเรีย วิญ่าร์ รองประธานอาวุโสยูฟ่าที่สานต่องานจากพลาตินี่ก็ยกเครดิตให้ตำนานนักเตะฝรั่งเศสแบบเต็มๆ

Advertisement

“ฝรั่งเศสได้จัดยูโรหนนี้ต้องให้เครดิตกับพลาตินี่ เขาจะต้องภูมิใจ ภูมิใจมากกับความสำเร็จ” รองประธานอาวุโสยูฟ่ากล่าว

กำไร 830 ล้านยูโร ยูฟ่าจะนำเข้าสู่เงินคงคลัง 230 ล้านยูโร(8,970 ล้านบาท) ส่วนอีก 600 ล้านยูโร(23,400 ล้านบาท) ใช้ในการพัฒนาวงการฟุตบอลยุโรป 55 ชาติ ในระยะเวลา 4 ปีหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม ยูโรเวอร์ชั่น 24 ทีม ถูกวิจารณ์ในแง่ลบว่าทำให้มาตรฐานของยูโรลดลงไป เนื่องจากมีทีมเล็กๆ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมา การแข่งขันจะไม่ดุเดือดเหมือนระบบ 16 ทีม แต่ยูฟ่าก็ยังยืนยันว่าจะยังคงมี 24 ทีมในรอบสุดท้ายของยูโร 2020 อยู่ดี

โยอาคิม เลิฟ กุนซือ เยอรมนี แสดงความคิดเห็นว่า ยูโรครั้งนี้มีทีมมากเกินไป และแสดงให้เห็นว่ามาตรฐานลดลง ดูตัวอย่างฟุตบอลโลกยังคงมีแค่ 32 ทีม ไม่เพิ่มเป็น 40 ทีมหรือมากกว่านั้น เพราะมันจะมีปัญหาในระยะยาว

ส่วน มัต ฮุมเมลส์ กองหลังอินทรีเหล็กบอกว่า ทีมเล็กๆ จะมาเน้นเกมรับเป็นหลัก และไม่คิดจะเดินเกมรุกอะไรเลย ยูโร 2016 ไม่ใช่ยูโรที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้

เมื่อพิจารณาผลงานของทีมที่ทะลุเข้ามาสู่รอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อย่าง เวลส์ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ แอลเบเนีย สโลวาเกีย ทุกทีมคว้าชัยชนะได้ทั้งหมด และมี 4 ทีมนอกจากแอลเบเนียที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ เวลส์ไปไกลสุดถึงรอบรองชนะเลิศ ไอซ์แลนด์ล้ม อังกฤษ เสมอ โปรตุเกส เข้ามาถึงรอบ 8 ทีม แสดงให้เห็นว่าทีมเหล่านี้ไม่ได้เป็นทีมไม้ประดับ แค่ยังไม่เคยได้โอกาสเข้ามาโชว์ฝีเท้า เพราะผลงานในรอบคัดเลือกในอดีตยังไม่ดีพอก็เท่านั้น

ธีโอดอริดิสบอกว่า ยูโร 2020 ยังคงมี 24 ทีม แต่ในยูโร 2024 อาจจะปรับกลับมาเป็น 16 หรือเพิ่มเป็น 32 ทีมก็ได้ เพราะส่วนตัวเชื่อว่า ทีมฟุตบอลที่มีคุณภาพในยุโรปมีมากกว่า 32 ชาติ แต่ต้องยอมรับว่าถ้าเพิ่มทีมมากขนาดนั้นอาจจะทำให้รอบคัดเลือกไม่น่าติดตาม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนที่สุด

การเพิ่มทีมมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่การขยับมาตรฐานของทัวร์นาเมนต์ในตัวมันเอง แต่เป็นการได้รู้จักและพัฒนามาตรฐานของฟุตบอลชาติเล็กๆ อย่างถูกทิศทางมากขึ้น กำไรที่มากขึ้นอาจจะเป็นข้อดีกับองค์กรหรือผู้ได้รับผลประโยชน์ แต่ในอนาคตถ้าเอาเรื่องเงินมากำหนดความเจริญเติบโตของฟุตบอลเป็นหลัก โอกาสก้าวถอยหลังก็มีเช่นกัน

ประโยคที่ว่า “เหรียญมีสองด้านเสมอ” ยังคงใช้ได้กับทุกอย่างบนโลกนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image