‘สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ‘ มนต์ดำของ ‘โรนัลโด้’ สองยุค

โปรตุเกส กลายเป็นชาติที่ 10 ที่คว้าแชมป์ยูโรมาครองได้ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่โปรตุเกสคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์อย่างฟุตบอลโลกหรือยูโรมาครองได้

ชัยชนะเหนือ ฝรั่งเศส ใน สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ทำเอาแฟนบอลเจ้าภาพทั้งประเทศน้ำตาท่วม ไม่ต่างจากเมื่อ 12 ปีที่แล้วที่ชาวโปรตุกีสต้องเศร้าอย่างหนัก เมื่อทีมแพ้ กรีซ 0-1 คา เอสตาดิโอ้ ดา ลุซ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมและนักเตะเบอร์หนึ่งของทีมได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 25 เหมือนว่าโอกาสชนะของโปรตุเกสแทบจะหมดลงไปแล้ว และคล้ายๆ ว่าเป็นการซ้ำรอยความผิดหวังของ โรนัลโด้ ยอดกองหน้าบราซิลที่เคยโดนฝรั่งเศสถล่ม 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 1998 มาแล้ว

เมื่อ 18 ปีที่แล้ว โล้นทองคำที่ซัดไป 4 ตุงพาบราซิล แชมป์เก่ากรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมาเจอกับฝรั่งเศส แต่เมื่อดูความฟิตและสภาพร่างกายตลอดเวลา 90 นาที โรนัลโด้เหมือนมีอาการบาดเจ็บและไม่มีประสิทธิภาพในการล่าตาข่ายเหมือนในรอบก่อนๆ

1

ADVERTISMENT

ช่วงเช้าวันที่ 12 กรกฎาคม 1998 ก่อนการแข่งขันรอบชิงฟุตบอลโลก 1998 ที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ โรนัลโด้มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก และมีข่าวว่าจะไม่ได้เป็นตัวจริงในนัดนี้แน่นอน และน่าจะเป็น เอ็ดมุนโด้ กองหน้ารุ่นพี่ที่ลงทำหน้าที่แทน อย่างไรก็ตามก่อนการแข่งขันแค่ 45 นาที มาริโอ ซากัลโล่ กุนซือทีมชาติบราซิลทำเอาทุกคนงงงวย เพราะมีชื่อโรนัลโด้ยืนล่าตาข่ายเป็นตัวจริง การปะทะกับ ฟาเบียง บาร์เตซ นายทวารฝรั่งเศสทำให้เขาออกอาการเจ็บอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดบราซิลไม่สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ และฝรั่งเศสคว้าแชมป์หนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก

FBL-EURO-2016-MATCH51-POR-FRA

10 กรกฎาคม 2016 อีกหนึ่งโรนัลโด้ที่ถูกยกย่องให้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ก็ประสบชะตากรรมคล้ายๆ กัน แต่อาจจะต่างกันตรงที่เขาไม่ได้มีอาการเจ็บมาก่อนหน้านี้ กัปตันทีมโปรตุเกสโดน ดิมิทรี ปาเยต เพลย์เมกเกอร์ตราไก่เข้าปะทะจนบาดเจ็บเข่า อย่างไรก็ตามบทสรุปของสองโรนัลโด้ในโลกฟุตบอลที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง โรนัลโด้ 1998 จบแบบเจ็บและไร้แชมป์ โรนัลโด้ 2016 จบแบบเจ๋ง เพราะเพื่อนร่วมทีมช่วยกันเชือดเจ้าภาพคว้าแชมป์มาครองได้ หยุดสถิติการไม่แพ้ใครในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลระดับเมเจอร์อย่างยาวนาน 32 ปีของฝรั่งเศสลงได้อย่างราบคาบ

โรนัลโด้ในยุคปัจจุบันหลั่งน้ำตาเต็มหน้าเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถอยู่ช่วยทีมในเวลาที่เหลือได้ เขาพยายามช่วย เฟร์นานโด ซานโต๊ส กุนซือของทีมกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมอยู่ข้างสนาม

FBL-EURO-2016-MATCH51-POR-FRA

เอแดร์ กองหน้าคนสำคัญของทีมที่เป็นผู้ยิงประตูชัยในแมตช์นี้บอกว่า “โรนัลโด้บอกผมว่า ผมจะยิงประตูชัยได้ เขาสร้างความมั่นใจให้ผม ให้ความแข็งแกร่งและพลัง แต่มันเป็นประตูของทุกคนในทีม มันเกิดจากทีมเวิร์กของพวกเรา”

ขณที่เฟร์นานโด ซานโตสชื่นชมลูกทีมคนสำคัญที่ทุ่มเททั้งนอกและในสนามให้ทีมว่า โรนัลโด้เป็นคนสำคัญของทีม และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ส่งเขาลงสนาม เพราะเขาสามารถทำประตูได้ด้วยฝีเท้าของเขาเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใด โปรตุเกสชนะด้วยการเล่นเป็นทีม

คริสเตียโน่ โรนัลโด้อาจจะไม่ได้ลงเล่นครบ 120 นาทีในรอบชิงชนะเลิศ ไม่ได้ยิงประตูชัย ไม่ได้จ่ายบอลให้เพื่อนซัดประตู แต่เความทุ่มเททำให้เขาควรได้รับเครดิตในการคว้าแชมป์ครั้งนี้

มนต์ดำแห่งสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ อาจจะทำร้ายคนที่ชื่อ “โรนัลโด้” ได้ แต่มนต์ขลังในการกวาดแชมป์ของทีมชาติฝรั่งเศสในสนามแห่งนี้สิ้นฤทธิ์ไปแล้วโดยสิ้นเชิง