มารู้จักอาการของรถเมื่อคุณเติมน้ำมันผิดประเภท พร้อมวิธีแก้ไข เพื่อไม่ให้รถของคุณต้องดับกลางทาง จาก EasyCompare
“เติมน้ำมันผิด” เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับใครหลายๆคน และในปัจจุบันก็มีน้ำมันหลากหลายประเภทมากขึ้น จึงทำให้มีความสับสนเกิดขึ้นได้ง่าย ทั้งจากตัวคุณหรือบุคคลอื่น แต่หากคุณรู้ได้เร็วว่าผิดชนิดก็จะยิ่งสามารถทำให้การแก้ไขปัญหานั้นเร็วขึ้นและส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ของคุณน้อยลงเท่านั้น
เติมเบนซิน – ดีเซลสลับกัน
อาการของรถยนต์ที่เติมน้ำมันผิด
เมื่อคุณสตาร์ทเครื่องยนต์ รถยังสามารถสตาร์ทติดได้ในช่วงแรก หลังจากที่คุณขับไปได้ซักระยะหนึ่งเครื่องจะมีอาการสะดุด บางรายอาจเกิดการกระตุกขณะขับขี่ หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะดับลงในที่สุด และคุณจะไม่สามรถสตาร์ทเครื่องให้ติดได้อีก
ในกรณีของการเติมน้ำมัน เบนซินและดีเซล สลับกัน
เครื่องยนต์จะเกิดการกระตุกและดับลงเนื่องจาก ระดับการเผาไหม้ของน้ำมันทั้ง 2 ตัวไม่เท่ากันทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สะดุด จังหวะลูกสูบของรถยนต์ไม่สามารถทำงานต่อได้จึงเกิดอาการเครื่องดับตามมาในที่สุด
ซึ่งหากคุณรู้ตัวได้เร็วและยังไม่ได้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ การแก้ไขนั้นเพียงแค่คุณเรียกช่างและทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน ไล่ระบบน้ำมันของเครื่องยนต์ใหม่เท่านี้ก็สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติแล้วล่ะครับ แต่สำหรับคนที่มารู้ว่าเครื่องยนต์ของคุณติมน้ำมันผิดตอนที่เครื่องยนต์ดับไปแล้ว ต้องมีขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการเปลี่ยนถ่ายและไล่ระบบน้ำมันใหม่แล้ว ยังต้องทำความสะอาดหัวเทียนหรือเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันใหม่ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถกลับมาสตาร์ทติดและใช้งานได้อีกครั้ง
เติมเบนซิน 91, 95, E20, E85 สลับกัน
เนื่องจากน้ำมันที่กล่าวมานี้เป็นน้ำมันประเภทเดียวกันหรือมีความใกล้เคียงกัน เพียงแค่มีสัดส่วนของเอลทานอลที่ต่างกันเท่านั้น ในกรณีที่เป็นเครื่องยนต์ 95 หรือ 91 แต่เติมน้ำมันที่มีค่าเอลทานอลสูงกว่าตัวรถ E20 E85 เครื่องยนต์จะยังสามารถสตาร์ทติดได้ แต่เมื่อขับในช่วงที่มีรอบความเร็วมากขึ้นอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดการติดขัดหรือใช้ปริมาณน้ำมันที่มากขึ้น
วิธีแก้ไขสามารถทำได้สองวิธี คือ วิธีที่ปลอดภัยคือการถ่ายน้ำมันออกจากถังแล้วเติมน้ำมันที่ตัวเครื่องสามารถรับได้ลงไป หากไม่ใช้วิธีนี้ คุณอาจขับรถต่อไปโดยรักษาระดับความเร็วของเครื่องแล้วค่อยๆ เติมน้ำมันที่ถูกต้องลงไปในถัง แต่ไม่ควรปล่อยเป็นระยะเวลานานนะครับ เพราะการใช้น้ำมันที่ผิดกับตัวเครื่องยนต์จะส่งต่อตัวเครื่องยนต์ภายใน ซึ่งหากเสียหรือต้องเปลี่ยนอะไหล่จริงอาจจะไม่คุ้มกับราคาน้ำมันที่คุณเสียไปนะครับ
การดูแลรักษารถของคุณอย่างถูกวิธีจะทำให้รถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ที่สำคัญคือการขับอย่างระมัดระวัง และอย่าลืมเพิ่มความคุ้มครองด้วยประกันภัยรถยนต์นะครับ จะประกันชั้น 1 ชั้น 2+ ชั้น 3+ หรือ ชั้น 3 ก็ช่วยคุ้มครองให้คุณอุ่นใจ โดยสามารถเช็คเบี้ยประกันด้วยตัวเองได้ง่ายๆกับ Easycompare
