‘พิธา’ แนะ ‘ผู้มีอำนาจ’ ยังมีเวลาถอนฟืนออกจากไฟ รีบฟังเสียงปชช. หากได้ยินไม่ชัด จะไปตะโกนในรัฐสภา

‘พิธา’ แนะ ‘ผู้มีอำนาจ’ ยังมีเวลาถอนฟืนออกจากไฟ รีบฟังเสียงปชช. หากได้ยินไม่ชัด จะไปตะโกนในรัฐสภา

เวลา 18.00 น. บริเวณหลังเวทีปราศรัย ข้างสนามหลวง ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ ส.ส.พรรค ก.ก. มาร่วมสังเกตุการณ์ และรวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ จากการชุมนุม และข้อเรียกร้องของประชาชนและการจัดการของฝ่ายผู้มีอำนาจ โดยในวันที่ 23-24 กันยายน จะใช้เวทีรัฐสภา เพื่ออภิปรายและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ที่สำคัญคือ ต้องการมาทำหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพในการพูดและความปลอดภัยของประชาชน

นอกจากนี้ อยากจะเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจว่า พี่น้องที่มาชุมนุมวันนี้มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะมาชุมนุม เพราะเป็นการชุมนุมเพื่ออนาคต ทั้งยังอยากจะเรียกร้องไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้มาดูแลคุ้มครองไม่ให้เกิดมือที่สาม และความรุนเเรง เพราะประชาชนมาแบบไม่มีอาวุธ มาด้วยสามนิ้ว เพื่อเรียกร้องความคับข้องใจที่มีตลอดมา ตั้งเเต่ปี 2549 -2563 ตั้งเเต่ คมช.-คสช. วันนี้เป็นวันที่ความคับข้องใจ ความโกรธ และความหมดหวังของประชาชนมากองกันอยู่ที่เวทีสนามหลวงแห่งนี้

“ดังนั้นผู้มีอำนาจทั้งนายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจ หรืออภิสิทธิ์ชน ยังมีทางเลือกที่ตะถอนฟืนออกจากกองไฟ ยังสามารถตัดสินใจเพื่อให้เกิดการพูดคุยเเละการเจรจากันได้ เพื่อให้ประเทศไทย ออกจากวงจรที่วนไปเรื่อยๆ ไม่มีทางออกเสียที อย่าให้ประเทศไทยถึงทางตัน ตอนนี้ก็ยังมีสิทธิเลือก โดยการหยุดคุกคามประชาชนและมารับฟังประชาชนเดี๋ยวนี้” นายพิธา กล่าว

Advertisement

นายพิธา กล่าวต่อว่า เรามาเพื่อปกป้องประชาธิปไตยไม่ใช่มาเเค่ปกป้องการประท้วง การประท้วงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ถ้าคุณมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยคุณจะโอบอุ้มมัน แต่หากคุณมองเป็นภัยคุกคามคุณก็จะหาวิธีควบคุม กำจัดมันออกไป หรือมองเป็นความรำคาญของรัฐบาล หมดเวลาคิดแบบนั้นแล้ว การเคลื่อนไหวนั้น เป็นการเคลื่อนไหวของคนธรรมดาที่จะพูดถึงปัญหาที้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมเป็นเรื่องปกติที่สากลโลกยอมรับกัน ไม่ว่าเนื้อหาหรือรูปแบบการจัดชุมนุมของวันนี้ ถือเป็นสิทธิตามปกติ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว

เมื่อถามว่า การชุมนุมวันนี้ จะยืดเยื้อหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจ ว่ายินดีรับฟังหรือไม่ เพราะเขามีทางเลือกที่จะพาประเทศไปหาทางออก หรือทางตัน หากอยากพาไปทางตันบ้านเมืองลุกเป็นไฟก็คุกคามต่อไป แต่หากอยากพาไปทางออก ต้องลงมารับฟังพวกเขา

เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าจะเกิดการปะทะระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ในฝั่งประชาชนไม่มีความกังวลใจ ตนมาสังเกตการณ์สักพักก็เห็นว่าประชาชนมาด้วยรอยยิ้ม ถึงเเม้ว่าจะมีความผิดหวังสะสมมาเป็นเวลานานก็ยังยิ้มออก พวกเขามาเพื่อสู้ให้เกิดความเท่าเทียมกันในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ จนถึงตอนนี้ ตนยังมีความเชื่อว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และตำรวจว่า ท่านยังเป็นตำรวจของประชาชน ไม่ใช่เป็นตำรวจของนายท่าน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางออกจาก มธ.พรุ่งนี้ (20 กันยายน) เพื่อไปยังจุดอื่นๆ ส.ส.พรรคก.ก. จะร่วมเดินไปด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวย้อนถามนักข่าวว่า คุณทราบได้อย่างไร เขาบอกคุณหรือ เพราะตนยังไม่ทราบ และเราไม่เกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุม แต่หากผู้ชุมนุมเดินไปที่ไหน เราก็จะไปรับรองความปลอดภัยให้พวกเขาที่นั่น อย่างไรก็ตามเราต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

เมื่อถามอีกว่า คาดว่า เสียงและข้อเรียกร้องประชาชนวันนี้จะส่งถึงรัฐสภา โดยเฉพาะส.ว.หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องถึงเเน่นอน เพราะตนที่เป็นหัวหน้าพรรค และส.ส.พรรค ก.ก. มารับฟังด้วยตัวเอง วันนี้เป็นเวทีของประชาชน ส่วนวันพุธที่ 23 กันยายน จะเป็นเวทีของพวกตน เราจะนำข้อเรียกร้องและสิ่งที่พูดคุยกันในวันนี้ไปพูดคุย ไปตะโกนเเทนประชาชน ซึ่งในรัฐสภา มีส.ว.250 คนอยู่ในนั้นด้วย หาพวกเขาได้ฟังในวันนี้และยังได้ยินไม่ชัดเพียงพอ ส.ส.อย่างพวกเราจะไปอภิปรายในรัฐสภา ทั้งมาตรา 256 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาตรา270 -272 และมาตรา 279 ทั้งนี้ พวกเรามีเวลา 2 วัน ที่จะเรียกร้องไปถึงวิปรัฐบาล และฝ่ายผู้มีอำนาจให้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นยาพิษมานาน อย่างไม่ประวิงเวลา เพื่อให้เกิดการพูดคุยเต็มที่ และการพูดคุย จะเป็นกุญเเจเเละทางออก เปลี่ยนผ่านไปอย่างสันติ

“คุณทัดทานอนาคตไม่ได้ จะให้เป็นม้าหมุน 14 ปี ไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีเดิมๆ ที่ผูกขาดอำนาจและทำรัฐประหารตอบโจทย์ความมั่นคงในปัจจุบันไม่ได้ และไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป” หัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าว

เมื่อถามว่า รับได้หรือไม่ หากเสียงส่วนใหญ่ในวันนั้นเห็นด้วยกับร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล นายพิธา กล่าวว่า ส.ส.ร.ต้องไม่เป็นพื้นที่ผูกขาดของใครคนใดคนหนึ่ง ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เราไม่เห็นด้วยกับการ มีโตวต้า ในสัดส่วนต่างๆ เช่น นักศึกษา อธิการบดีมหาวิทยาลัย หรือสัดส่วนของรัฐสภา เรายังยืนยันว่า ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้ง 200 คน และให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม เพื่อเป็นพื้นที่ทางออกของความขัดเเย้ง หากไม่ใช้รัฐสภาให้เป็นประโยชน์จะใช้ที่ไหน หากทำให้รัฐสภาหมดหวังเมื่อไหร่ นั่นคือ สาเหตุที่ประชาชนจะลงถนนเรื่อยๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image