พาณิชย์งัดมาตรการขอเอกชนตรึงราคา แก้ปุ๋ยแพง ชี้เป็นต้นทุนนำเข้าสูงชั่วคราว

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ตรวจสอบปัจจัยการผลิตก่อนที่เกษตรกรจะเริ่มฤดูการผลิตและพบว่าราคาปุ๋ยในตลาดมีการปรับราคาสูงขึ้น จากในช่วงเดือนมกราคม 2564 โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ที่มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างมาก จึงได้ตรวจสอบถึงสาเหตุของการปรับราคาขึ้น พบว่า สาเหตุมาจากกรณีวัตถุดิบแม่ปุ๋ยยูเรีย แม่ปุ๋ยฟอสเฟต และแม่ปุ๋ยโพแทสเซียมที่ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีการปรับสูงขึ้น เนื่องจากประเทศอินเดียได้มีการเปิดประมูลซื้อแม่ปุ๋ยล็อตใหญ่ และประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าหลักของประเทศไทยได้ชะลอการส่งออกแม่ปุ๋ยเพื่อเตรียมสำหรับการเพาะปลูกในรอบใหม่

นายวัฒนศักย์ กล่าวต่อว่า ประกอบกับ ค่าระวางเรือขนส่งมีการปรับสูงขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญหนึ่ง ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบที่มีการปรับตัวสูงขึ้นจากเดิม ในปี 2563 ที่ 42.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เป็น 64.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาวัตถุดิบแม่ปุ๋ยยูเรีย แม่ปุ๋ยฟอสเฟต และแม่ปุ๋ยโพแทสเซียม ปรับราคาสูงขึ้นจากเดิมในปี 2563 ที่ 262.17, 321.00 และ 255.67 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ปรับขึ้นเป็นราคาในเดือนมีนาคม 2564 ที่ 384, 557 และ 288 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ตามลำดับ

นายวัฒนศักย์ กล่าวต่อว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดตรวจเข้มในพื้นที่ และให้กรม หามาตรการแก้ไขโดยด่วนที่สุด กรมจึงประชุมร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. และมีแนวทางดำเนินการ ดังนี้ ขอความร่วมมือให้ผู้จำหน่ายปุ๋ยตรึงราคาออกไประยะหนึ่ง 2. เข้มงวดการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายและตรวจสอบสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด 3. สนับสนุนให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเงินสดแทนการซื้อเชื่อที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ราคาปุ๋ยที่ซื้อสดถูกกว่าราคาที่จะซื้อเงินเชื่อ 4. จัดหาปุ๋ยราคาถูกให้เกษตรกรรายย่อย โดยให้กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ หรือผู้ประกอบการที่มีศักยภาพผลิตปุ๋ยผสมในรูปปุ๋ยอินทรีย์ผสมกับปุ๋ยเคมี โดยรัฐให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วน เช่น ค่าบริหารจัดการ ค่าขนส่ง ค่าบรรจุ เป็นต้น

” จากนี้จะหารือในรายละเอียดและความพร้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนสรุปนำเสนอกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณานำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป หากมาตรการดังกล่าวไม่สามารถตรึงราคาได้ จะเพิ่มความเข้มข้นมาตรการกฎหมาย โดยทบทวนโครงสร้างต้นทุน และให้ผู้ประกอบการแจ้งราคาจำหน่าย เพื่อนำไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของกรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ” นายวัฒนศักย์ กล่าว

Advertisement

นายวัฒนศักย์ กล่าวต่อว่า คาดว่าการปรับตัวของราคาปุ๋ยจะลดความรุนแรงลง เนื่องจากปัจจุบันประเทศอินเดียได้มีการรับมอบปุ๋ยจากการประมูลเรียบร้อยแล้ว และประเทศจีนมีการสต็อกไว้เพียงพอแล้ว จึงขอให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเท่าที่จำเป็นก่อน ซึ่งกรมจะติดตามราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด ให้สอดคล้องกับต้นทุนการนำเข้า แม่ปุ๋ย หากผู้ใช้พบว่ามีการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท และร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image