แขวงเกาะล้านแจงขยะล้นยังไม่แย่ วอนสื่อหยุดมโนส่อวิกฤต พบทุน-ชาวบ้านรุกที่สาธารณะเพียบ

เมื่อวันที่ 2 กันยายน จากกรณีที่มีประชาชนในพื้นชุมชนบ้านเกาะล้าน หมู่ 7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ร่วมตรวจสอบปัญหาขยะมูลฝอยบนพื้นที่เกาะล้าน ที่ปัจจุบันพบว่าเริ่มส่อเค้าความรุนแรงมากขึ้นหลังจากพบว่ามีปริมาณขยะถูกกองสุมทิ้งไว้จำนวนหลายหมื่นตัน บริเวณเขานมหน้าหาดแสม ซึ่งสร้างปัญหามลพิษทางกลิ่น และภาพลักษณ์ที่เสียหายในพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่การบริหารจัดการแก้ไขยังไม่มีประสิทธิภาพและมีแนวทางที่ชัดเจนมากนัก โดยจากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีกองขยะกองสุมสะสมรวมอยู่เป็นจำนวนมากและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขนถ่ายขยะที่ใช้เรือบรรทุกข้ามฟากจากพื้นที่เกาะล้านกลับเข้าสู่ฝั่งยังคงมีปัญหานั้น
ล่าสุดนายอนันต์ อังคณาวิสัย ประธานสภาเมืองพัทยา นำคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง และกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ เดินทางลงพื้นที่เพื่อรับฟังและตรวจสอบสภาพปัญหาในพื้นที่จริง โดยมีนายชวลิต ประดิษฐ์พฤกษ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานแขวงเกาะล้าน พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและตัวแทนชุมชนเข้าร่วมให้การต้อนรับ
ด้านนายชวลิตกล่าวว่า สำหรับชุมชนบ้านเกาะล้านอยู่ห่างจากฝั่งเมืองพัทยาประมาณ 7.5 กม. มีพื้นที่รวมกว่า 3,000 ไร่ ประชากรกว่า 2,000 คน ปัจจุบันถือเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวให้ความสน ใจเดินทางเข้ามาพักผ่อนเป็นจำนวนมากเฉลี่ยวันละ 1.5-2 หมื่นคน หรือกว่า 5 ล้านคนต่อปี โดยมีชายหาดที่สวยงามจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ หาดตายาย หาดทองหลาง หาดตาแหวน หาดสำราญ หาดเทียน หาดแสม และหาดสังวาลย์ แต่ด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวที่มีมากขึ้น จึงทำให้ระบบสาธารณูปโภคที่รองรับมีปัญหาอีกทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่คอยกำกับดูแลก็มีอัตรากำลังที่จำกัดจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของผลกระทบสิ่งแวดล้อม อย่างน้ำเสียและขยะมูลฝอย
“โดยในส่วนของปัญหาขยะมูลฝอยนั้นที่ผ่านมามีปริมาณขยะอยู่วันละ 15-20 ตัน ซึ่งจะมีการขนถ่ายโดยเรือบรรทุกจากเกาะสู่ฝั่งเพื่อกำจัด แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาด้วยสภาพของเรือขนถ่ายที่เกิดการชำรุดจึงทำให้การใช้งานเหลือเพียง 1 ลำ ซึ่งจะสามารถบรรทุกขยะได้เพียงวันละ 20-24 ตันเท่านั้น ขณะที่ในส่วนของปริมาณขยะกลับเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราของนักท่องเที่ยวจนปัจจุบันมีปริมาณสูงกว่าวันละ 50 ตัน จึงส่งผลให้เกิดปัญหาขยะตกค้างไม่สามารถขนถ่ายได้หมด เป็นเหตุให้ต้องจัดหาพื้นที่เพื่อมารองรับในการพักขยะไว้เป็นการเบื้องต้น ซึ่งต่อมาเมืองพัทยาได้พิจารณาให้ใช้พื้นที่จำนวน 12 ไร่ บริเวณเขานมเป็นสถานที่พักขยะ แต่จากปริมาณการเก็บขนที่ไม่สอดคล้องกับปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจึงทำให้มีขยะตกค้างและสะสมขึ้นเรื่อยๆจนขณะที่มีปริมาณขยะกองสุมรวมเป็นจำนวนกว่า 30,000 ตันแล้ว” นายชวลิตกล่าว
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น นายชวลิตกล่าวว่า ทางแขวงพยายามหาหนทางแก้ไขโดยการขอจัดสรรงบในการซ่อมแซมเรือขนถ่ายที่ชำรุดเพื่อนำกลับมาใช้งานใหม่แต่ปรากฏว่าไม่มีเอกชนรายใดเข้ามาเสนอในงบกว่า 2.5 ล้านบาท จึงทำให้ปัญหายังคงคาราคาซังอยู่ จึงทำได้เพียงแต่ฉีดพ่นสาร EM เพื่อกำจัดกลิ่นเฉลี่ย 3 วันต่อครั้ง เพื่อลดปัญหามลพิษ และรอนโยบายของเมืองพัทยาเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไข ซึ่งเบื้องต้นได้ร้องขอให้พิจารณาการจัดสร้างโรงเผาขยะมาตรฐานเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าปัญหาขยะบนเกาะล้านที่เจ้า หน้าที่ทำงานกันอย่างเต็มที่และชาวบ้านเข้าใจกันเป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องร้องเรียนถึงปัญหามาก่อนแต่อย่างใด จึงอยากร้องขอให้สื่อมวลชนหยุดมโนนำเสนอข่าวว่าปัญหาเกาะล้านวิกฤตด้วย
201609021208343-20030103105503
นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะบนพื้นที่เกาะล้าน ซึ่งระบุว่าสำหรับเกาะล้านมีพื้นที่รวมกว่า 2,000 ไร่ แต่จะมีเพียง 200 กว่าไร่ หรือ 100 กว่าแปลงเท่านั้นที่มีเอกสารสิทธิครอบครองอย่างถูกต้อง นอกนั้นจะเป็นการจับจองพื้นที่ของชาวบ้านเป็นหลัก อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีกลุ่มนายทุนและชาวบ้านบางรายที่ทำการก่อสร้างต่อเติมอาคารเพื่อจัดสร้างที่พักและรีสอร์ตขึ้นโดยบุกรุกที่สาธารณะทั้งทางบกและทางน้ำรวม 37 ราย แยกออกเป็นทางน้ำ 28 ราย และทางบก 9 ราย โดยเฉพาะบริเวณท่าหน้าบ้านที่มีการก่อสร้างล่วงล้ำลำน้ำเกือบตลอดแนวชายฝั่ง แต่ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดจึงทำให้การกำกับดูแลเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งนี้ปัจจุบันได้มีการออกคำสั่งรื้อถอนไปแล้วพร้อมส่งเรื่องให้กลุ่มกฎหมายเมืองพัทยาดำเนินการตามขั้นตอนก่อนเข้ารื้อถอนต่อไป
ด้านนายอนันต์ อังคณาวิสัย ประธานสภาเมืองพัทยา ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะขยะมูลฝอยก็ยังคงไม่เข้าข่ายวิกฤตมากนัก เนื่องจากพื้นที่ยังคงรองรับขยะได้อีกระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็คงนิ่งนอนใจไม่ได้ การเข้ามาตรวจสอบครั้งนี้ก็เพื่อตรวจดูข้อเท็จจริงเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณเข้ามาแก้ไข ซึ่งคงต้องแบ่งแผนงานออกเป็น 3 ระยะคือ สั้น กลาง และยาว โดยคงต้องรอให้ทางแขวงเกาะล้านนำเร่งนำแผนงานเข้ามานำเสนอ
ขณะที่ในส่วนปัญหาของการบุกรุกที่สาธารณะนั้นพบว่าเกิดปัญหาขึ้นมากมาย จึงเสนอให้เจ้า หน้าที่ทำงานด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมาย โดยเสนอให้มีการหยิบยกกรณีของ “ภูทับเบิก” มาเป็นโมเดลสำคัญในการแก้ไข เพราะสุดท้ายปัญหาเหล่านี้ต้องหมดไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image