ดูเหมือนสถานการณ์รับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 จะยิ่งยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะการกลายพันธุ์ ทั้งแอฟริกาใต้ และอินเดีย หรือแม้แต่ในอนาคตอาจเกิดพันธุ์ไทยขึ้นได้
หากไม่สามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลาม หรือเจอคลัสเตอร์ใหญ่เพิ่มขึ้นรายวัน
มีคำถามที่ยังมีคำตอบไม่ชัดว่า วัคซีนในประเทศไทยที่มีอยู่ขณะนี้ รับมือบรรดากลายพันธุ์ต่างๆ ได้แค่ไหน
มีเพียงคำตอบที่ทำให้สบายใจขึ้นได้บ้างว่า
แม้ว่าวัคซีนจะมีหรือไม่มีผลกับการรับมือเชื้อกลายพันธุ์
แต่อย่างน้อยช่วยลดความรุนแรงของอาการป่วยจาก
การติดเชื้อได้บ้างอย่าลืมว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งมีชีวิต จึงรักตัวกลัวตายเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
เมื่อมีวัคซีนออกมาสู้โควิด-19 ย่อมพยายามเอาตัวรอด พัฒนาพันธุ์เพื่อความอยู่รอดได้ตลอดเวลา
หมายความว่าเราก็มีโอกาสจะเจอกับโควิด-19 กลายพันธุ์ หรือเชื้อไวรัสพันธุ์อื่นๆ ได้อีกในอนาคต
ดังนั้น การประเมินสถานการณ์ แก้ปัญหาให้ถูกจุด อ่านเกมให้ออก จัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้องของรัฐบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
การประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะตอนนี้วัคซีนคือคำตอบของทุกสิ่ง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ประชาชนต้องรอคิววัคซีนนานมาก รอกันเป็นเดือน สองเดือน สามเดือน
ล่าสุด นายกฯเดินทางไปฉีดวัคซีน เข็มที่ 2 ก็ยังยืนยันอีกว่า ทุกคนได้ฉีดแน่ๆ
สงสัยว่านายกฯยิ่งพูด ดูเหมือนยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายหรือไม่
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็บอกว่า เดี๋ยวจะฉีด 100 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ ต่อมาก็บอกว่าจะหาให้ได้ 150-200 ล้านโดส
แล้วก็ออกมาบอกอีกว่าจะระดมปูพรมฉีด ใครมาลงทะเบียนแล้วไม่ฉีด ให้คนที่มาได้ฉีดแทน
ถามว่าแล้วเมื่อไหร่ จะทันหรือไม่ จะติดโควิดก่อนหรือไม่ จะตายก่อนหรือไม่ ไหนว่าเป็นวาระแห่งชาติ
ในเมื่อตอนนี้หลากหลายสายพันธุ์เชื้อโควิด พาเหรดเข้าเมืองไทยแล้ว
แต่วัคซีนกลับตามไม่ทัน มีไม่กี่ยี่ห้อ แถมยังมีคำถามเรื่องคุณภาพอีกต่างหาก
การเข้าถึงวัคซีนของคนไทยมีข้อจำกัดมากมาย เลือกไม่ได้มากนัก และยังต้องรอ
แต่ผลกระทบเกิดกับประชาชนจำนวนมากขณะนี้ ไม่รอเหมือนวัคซีน
จากมาตรการปิดสถานที่ต่างๆ ของภาครัฐ รุนแรงหนักหน่วงสร้างความเดือดร้อนอย่างยิ่ง
บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามตลาด หรือผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถทำมาหากินได้
ตอนนี้เดือดร้อนกันอย่างหนัก ลุกลามไปถึงบรรดาเกษตรกร ไม่สามารถขายผลผลิตได้เหมือนปกติ
ดังนั้น การจัดลำดับความสำคัญเรื่องการฉีดวัคซีนกับการออกมาตรการด้านเศรษฐกิจ จำเป็นต้องสอดคล้องกัน
ถ้าตั้งธงว่า ฉีดวัคซีนสำคัญที่สุด ถามว่าเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว แล้วยังไงต่อ เราก็ต้องระมัดระวังตัวกันเต็มที่ การ์ดอย่าตกกันอยู่ดี
หรือเราควรคำนึงถึงเรื่องมาตรการเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก
เพราะในเมื่อวัคซีนยังไม่มา หรือมาแล้ว ก็ยังต้องลุ้นกับโควิดกันต่อไป
ยังไงก็ควรให้น้ำหนัก เร่งหาทางช่วยเหลือเรื่องปากเรื่องท้องประชาชนอย่างเอาจริงเอาจัง
ไม่ใช่ว่าวัคซีนช้าแล้ว การช่วยเหลือเรื่องปากเรื่องท้องจากรัฐบาลก็ยังล่าช้าอีก
ถ้าขืนช้าไปหมด หรือจัดลำดับความสำคัญผิด เร่งให้ฉีดวัคซีน ขณะที่ยังไม่มีให้ฉีด
จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เหมือนเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน
ทางที่ดีในระหว่างรอวัคซีน เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการจำนวนมากที่กำลังจะตาย
เอาแค่ว่าตอนนี้ไปบอกให้แบงก์พาณิชย์ออกมาช่วยเหลือภาคธุรกิจอย่างจริงจังมากกว่านี้ อย่าฟันแต่ดอกเบี้ยกันอย่างเดียว
รัฐบาลทำได้หรือไม่!?
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา
