ความคืบหน้าการจับกุมนายอภิรักษ์ กระจายสี ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่า น.ส.วรรณทนี อธิจร อายุ 29 ปี ชาว อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ บัสโฮเตสรถทัวร์ บขส. สภาพศพเปลือย ถูกแทงด้วยอาวุธมีดหลายแห่ง เสียชีวิตภายในอาคารนพศิริ เลขที่ 4/7 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา เบื้องต้น นายอภิรักษ์รับสารภาพว่าประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่เคยรู้จักกับคนตายมาก่อน ส่วนทรัพย์สิน สร้อยคอทองคำ และอื่นๆ ของผู้เสียชีวิต ได้นำไปขาย และหลบหนี
เมื่อวันที่ 17 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 16 กันยายน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวภายหลังทำการสอบปากคำผู้ต้องหานานกว่า 1 ชั่วโมงว่า จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง โดยกระทำไปเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไว้ก่อน ส่วนเรื่องประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะมีทรัพย์สินผู้ตายหายไป รวมถึงเรื่องละเมิดทางเพศหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ จึงอาจมีการพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาเคยต้องโทษคดีพยายามข่มขืนเมื่อปี 2553 เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2558 ในวันที่ 17 กันยายนนี้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวนายอภิรักษ์ไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ เพื่อยืนยันสิ่งที่ผู้ต้องหาให้การว่าตรงกับที่เกิดเหตุหรือไม่ เป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ขณะเดียวกัน นายแสวง อธิจร อายุ 49 ปี พร้อมนางสิริพร อธิจร อายุ 47 ปี อาชีพค้าขาย บิดาและมารดาผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่ สน.ประชาชื่น โดยนางสิริพรกล่าวว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ อยากให้ทางตำรวจดำเนินคดีนี้ให้ถึงที่สุด ตนคิดว่าควรจะมีการลงโทษถึงขั้นการประหารชีวิตมากกว่าการจำคุก เพราะหากเป็นการจำคุก เมื่อผู้ต้องหาพ้นโทษออกมาแล้วก็อาจก่อเหตุซ้ำอีก ส่วนเรื่องพิธีศพบุตรสาวนั้น คิดว่าจะมีพิธีฌาปนกิจไม่เกินวันที่ 19 กันยายนนี้ ที่วัดวิเศษไชยศรี จ.กาฬสินธุ์
เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น คุมตัวนายอภิรักษ์ โดยใส่กุญแจมือและสวมเสื้อเกราะกันกระสุน พร้อมเสื้อผ้าชุดสีเหลืองที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ มีคราบเลือดติดอยู่ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ หอพัก นพศิริ เลขที่ 4/7 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร โดยมีเครือญาติของผู้เสียชีวิตและประชาชนกว่า 80 คน ยืนรอดูการทำแผนและด่าทอเป็นระยะ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 30 นาย ยืนกั้นเป็นแนวเพื่อป้องกันประชาชนรุมประชาทัณฑ์
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ก่อเหตุจริง ต้องการเงินกลับบ้าน เดินเลียบทางรถไฟไปเรื่อยๆมองไปเห็นหอพักไม่ได้ปิดประตูจึงก่อเหตุ ต้องการทรัพย์เท่านั้นไม่ได้ประสงค์สิ่งอื่นใด ไม่มีเจตนาข่มขืนและทำร้ายใคร แต่ผู้เสียชีวิตต่อสู้ จึงใช้อาวุธมีดที่ทำตกไว้แทงจนเสียชีวิตและหลบหนีไป
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า อยากฝากเตือนถึงผู้ที่เช่าห้องพักในที่ต่างๆ ควรปิดประตูให้มิดชิดเรียบร้อย เนื่องจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มักเกิดจากคนร้ายใช้โอกาสนี้เข้าก่อเหตุ ส่วนผู้ประกอบการห้องเช่า ควรมีมาตรการควบคุมดูแลบุคคลเข้าออกและระบบรักษาความปลอดภัย หลังจากนี้มีการทำหนังสือไปยังผู้ประกอบการให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดพร้อมตรวจสภาพให้ใช้ได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจะเข้าข่ายข้อหาสนับสนุนแก่ผู้กระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นางสิริพร อธิจร อายุ 47 ปี มารดาผู้เสียชีวิต เดินเข้ามากล่าวกับพล.ต.ท.ศานิตย์ ทั้งน้ำตานองหน้าว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมผู้ต้องหาได้ และอยากให้ลงโทษด้วยข้อหาสูงสุด โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวปลอบว่าทางตำรวจต้องทำตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำอารมณ์มาตัดสินไม่ได้ให้เป็นไปตามกระบวนการความจริง อย่างไรก็ตามผู้ที่กระทำความผิดต้องถูกลงโทษอยู่แล้ว ไม่มีใครหนีรอดไปได้ เพราะกฎหมายคุ้มครองคนดีไม่ใช่คนเลว
