เดินหน้าชน : ทบทวนซื้อวัคซีน โดย นายด่าน

ครบ 1 เดือน 3 วัน ของการประกาศล็อกดาวน์ 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนจะล็อกดาวน์เพิ่มอีก 16 จังหวัด เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม

แนวโน้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยยังอยู่ในจุดที่ไม่สู้ดี ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่ยังสูงในระดับ 2 หมื่นกว่ารายต่อวัน

ตัวเลข ณ วันที่ 14 สิงหาคม ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 856,412 ราย และเสียชีวิตสะสม 7,343 ราย

หากกราฟผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงคงได้เห็นจำนวนผู้ติดเชื้อทะลุ 1 ล้านราย

Advertisement

จากการแถลงของ ศบค. ล่าสุด (13 ส.ค.) ค่อนข้างชัดเจนว่าการกดตัวเลขติดเชื้อให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 หมื่น ภายใน 1-2 เดือนนี้ เป็นไปได้ยากมาก

โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินสถานการณ์เอาไว้ 3 แนวทาง

1.หากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ การติดเชื้อในช่วงปลายเดือน ส.ค. ถึงต้นเดือน ก.ย.64 ผู้ติดเชื้อรายวันจะพุ่งเป็น 60,000-70,000 คน

Advertisement

2.หากมีการล็อกดาวน์ร้อยละ 20 สถานการณ์ยังสูงอยู่คาดมีการติดเชื้อวันละ 45,000 ราย ในช่วงต้นเดือน ก.ย.

3.หากทุกคนร่วมมือกันมากกว่านี้เพิ่มอีกร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 25 ล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ 2 เดือน และเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเสี่ยงและหญิงตั้งครรภ์ ผู้ติดเชื้อรายวันจะอยู่ที่ 20,000 คน

หากประเมินจาก 3 แนวทางดังกล่าวแล้วคงเลี่ยงไม่ได้ที่รัฐบาลจะต้องขยายล็อกดาวน์ออกไปอีก 2 เดือน

สิ่งที่ยังเป็นปัญหามาโดยตลอด คือ การบริหารจัดการเรื่องวัคซีนที่ยังไม่เพียงพอ เพื่อระดมฉีดให้กับประชาชน แม้ช่วงหลังรัฐบาลจะเร่งจัดหาและสั่งซื้อเพิ่มเติม

ตัวเลขการฉีดวัคซีนในหลายจังหวัดยังอยู่ในสัดส่วนที่ไม่สูง โดยเฉพาะ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม (ข้อมูล 14 ส.ค.)

เช่น ชลบุรี ฉีดสะสม 793,818 เข็ม หรือ 28.68% นครปฐม 298,210 เข็ม 20.72% ปทุมธานี 600,471 เข็ม 31.64% เพชรบุรี 172,130 เข็ม 24.94% สระบุรี 187,140 เข็ม 17.77% สุพรรณบุรี 151,306 เข็ม 13.41% นครราชสีมา 611,389 เข็ม 15.83% กาญจนบุรี 109,995 เข็ม 9.79% ระยอง 276,195 เข็ม 22.29%

หากวัคซีนยังมีไม่เพียงพอคงเป็นเรื่องยากที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตให้กลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่ปกติได้

ส่วนเป้าหมายฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส ให้ประชาชน 50 ล้านคน อาจพลาดเป้าไปด้วย

เพราะตัวเลขรวมการฉีดล่าสุดยังอยู่ที่ 23 ล้านกว่าโดสเท่านั้น

เห็นด้วยกับ อาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ได้พยายามส่งสัญญาณให้คนรอบข้างผู้มีอำนาจมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าหัวหน้ารัฐบาล และรมว.สธ.ควรทำ 2 เรื่องเท่านั้น ในเวลานี้คือหาวัคซีนมาฉีดให้มากที่สุด และเตรียมการเรื่อง post COVID recovery ให้พร้อม

เมื่อโรคระบาดผ่านไปเราจะได้ฟื้นตัวเร็วที่สุด แต่คงไม่ไปถึงผู้มีอำนาจ วันนี้เราจึงเผชิญกับสภาพการระบาดหนักเช่นนี้ก่อนจะตัดสินใจบริหารตามเสียงด่าอย่างที่เป็นมา”

วัคซีนคืออาวุธสำคัญที่จะสกัดการระบาดไวรัสโควิด-19 รัฐบาลควรต้องทบทวนการจัดหาวัคซีนเพื่อให้ได้จำนวนที่เพียงพอ

แนวทางหนึ่งทีดีอาร์ไอที่ได้เสนอเอาไว้ คือ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับวัคซีนประสิทธิภาพสูงเร็วขึ้นและในปริมาณมากขึ้น รัฐบาลอาจสนับสนุนให้เอกชนสามารถจัดหาวัคซีนทางเลือกได้คล้ายกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

แต่ยังยึดถือแนวคิดว่าการได้รับวัคซีน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญที่รัฐควรจัดให้ประชาชนทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image