ภาพเก่าเล่าตำนาน ​: เบื้องหลัง…ร้อยเอกกองแล…ทำรัฐประหาร

ชื่อของนายทหารลาวผู้นี้…คนไทยรุ่นอายุ 60 กว่า…คุ้นหู

ช่วง พ.ศ.2500 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสนามประลองกำลังระหว่าง โลกเสรีนำโดยอเมริกา และโซเวียต ที่ต่างเอาเป็น-เอาตายกับเรื่องของลัทธิโลกเสรี-คอมมิวนิสต์

ในอดีต…ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง เวียดนาม ลาว เขมร …เวียดนาม คือ ชนชาตินักรบ เป็น “พี่ใหญ่” นำต่อต้านฝรั่งเศสด้วยชีวิต

พ.ศ.2497 มหาอำนาจฝรั่งเศส “ม้วนเสื่อกลับบ้าน” หายหน้าไปแบบโลกตะลึง ออกไปจากเวียดนาม ลาว เขมร จากพลังของกองทัพประชาชนเวียดนามใน “ศึกเดียนเบียนฟู”

ADVERTISMENT

เวียดนามถ่ายทำภาพยนตร์ขาว-ดำ เผยแพร่ไปทั่วโลก…ทหารฝรั่งเศสเดินแถว “ยกมือยอมแพ้” นับพันนาย ตกเป็นเชลยของกองทัพเวียดนามที่นำโดยโฮจิมินห์ และแม่ทัพที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนทหาร ชาวโลกยกย่อง ชูหัวแม่โป้ให้ชาวเวียดนามผู้กล้าแกร่ง

ฝรั่งเศสไปอ้อนอเมริกาให้เข้ามา “ปราบคอมมิวนิสต์เวียดนาม”

ADVERTISMENT

ประเทศไทยที่มีรั้วบ้านติดกันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ขยับแข้งขยับขา ทั้งทางการเมือง ทางการทหาร มีการเคลื่อนไหวเชื่อมโยงกับคอมมิวนิสต์ในลาว เวียดนามมาก่อนแล้ว

ในประเทศไทยก็ไม่พ้น…เรื่องการแย่งชิงอำนาจ

ลาว เขมร เวียดนาม ถูกโอบกอดโดยลัทธิคอมมิวนิสต์ของโฮจิมินห์และแม่ทัพของเวียดนามที่เกรียงไกร มีลูกพี่โซเวียตดันหลังเต็มพิกัด อาวุธทั้งหมดมาจากโซเวียต มีของจีนผสมมาด้วย…

ย้อนไป…16 กันยายน 2500 จอมพล สฤษดิ์ก่อรัฐประหาร โค่นรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่งตั้งให้นายพจน์ สารสิน รักษาการนายกรัฐมนตรี และจัดการเลือกตั้งทั่วไป จนได้พลโทถนอม กิตติขจร จากพรรค “ชาติสังคม” (ของจอมพล สฤษดิ์) ขึ้นเป็นผู้นำประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีที่จอมพล สฤษดิ์ควบคุมอยู่เบื้องหลัง

อำนาจอยู่ในมือทั้งหมด…สบายใจได้…อเมริกาเชิญจอมพลไปทัวร์อเมริกาอ้างว่าเพื่อรักษาตัว ณ โรงพยาบาลวอลเตอร์รีด ในกรุงวอชิงตัน

การเจรจาการเมืองเรื่องสำคัญ มิตรภาพแบบ “ลับที่สุด” แนวคิดเรื่องการ “สกัดกั้นคอมมิวนิสต์” เกิดขึ้นในระหว่างทัวร์อเมริกา

จอมพลเดินทางกลับเมืองไทยด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม

9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ร่วมมือกับ พลเอก ถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจซ้ำอีกรอบ แล้วขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรีตัวจริง” …เป็นคนที่ 11 ของประเทศไทย

พ.ศ.2504 คำว่า “แผนพัฒนาเศรษฐกิจ” ฉบับที่ 1 ก็ได้รับการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากอเมริกาไหลบ่าเข้าสู่ประเทศไทย

เรื่องการปฏิวัติรัฐประหารในกรุงเทพฯ เสมือนฝุ่นลอยฟุ้งกระจายในอากาศให้สูดดมตลอดเวลา การปราบคอมมิวนิสต์ คือ ภารกิจหลักของทุกฝ่ายที่ต้องให้ “การทหารนำการเมือง”

ประเทศที่เรียงแถวหน้ากระดาน ปกครองด้วยทหาร คือ พม่า ไทย ลาว ส่วนใน เวียดนาม เขมร เป็นรัฐบาลหุ่นของเผด็จการทหาร

ภัยคอมมิวนิสต์ คือ ภัยคุกคามหลัก

หลังฝรั่งเศสถอนตัวออกไป ลาวแบ่งเป็น 3 ฝ่ายคือ ลาวฝ่ายขวา เจ้าสมสะหนิด นายพลพูมี เจ้าบุนอุ้ม ลาวฝ่ายเป็นกลาง เจ้าสุวันนะพูมา และลาวฝ่ายซ้าย คือ
เจ้าสุพานุวง (แนวลาวฮักชาติ)

ทุกฝ่าย…ต่างก็มีกองกำลังของตนเอง แย่งอำนาจในประเทศ รบกันเอง มีกองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดนามนับหมื่นจ่อจะยึดครองประเทศลาว

สหรัฐ รัสเซีย เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนผู้เล่นฝ่ายลาวแบบจับต้นชนปลายไม่ถูก ใช้เงินโปรยเป็นหลัก

นี่คือ ประวัติศาสตร์การรัฐประหารในลาวที่น่าสนใจ…

คือ ผู้นำการยึดอำนาจแบบโลกพิศวง

8 สิงหาคม พ.ศ.2503 ช่วงเช้า…รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรลาว ประชุม ครม. โดยมี เจ้าสมสะหนิด นรม. ที่เพิ่งรับตำแหน่งมายังไม่ครบ 3 เดือน เป็นประธาน รวมทั้งพลจัตวาพูมี หน่อสวรรค์ รัฐมนตรีป้องกันประเทศ (รมว.กห.) ประเด็นที่นำมาพูดกันในวันนั้นก็คือ หมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ ซึ่งสวรรคตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2502

มีมติว่า ครม.จะเดินทางไปเมืองหลวงพระบางในบ่ายวันนั้น เพื่อปรึกษาหารือกับสำนักพระราชวัง

นายพลพูมี หน่อสวรรค์ เรียกร้อยเอกกองแล ผู้บังคับการกองพันทหารราบอากาศที่ 2 (Bataillon Parachutistes 2 : เรียกแบบฝรั่งเศส) กำชับให้ดูแลความสงบในขณะที่ ครม.ไม่อยู่ในเวียงจันทน์

ร้อยเอกกองแลตามไปส่งถึงเครื่องบินที่สนามบินวัดไต

ครม.เกือบทั้งคณะอยู่ที่เมืองหลวงพระบาง (ทางเหนือของเวียงจันทน์ ถนนผ่านเทือกเขาทุรกันดาร ต้องใช้เครื่องบินเป็นหลัก)

โอกาสทองเช่นนี้…หาไม่ได้อีกแล้ว…

กองพันทหารราบอากาศที่ 2 ซึ่งมีประวัติดีเด่น จัดตั้งขึ้นสมัยฝรั่งเศสกลับเข้ามาปกครองและสู้รบกับรัฐบาลฝ่ายต่อต้าน โดยคัดเลือกชายหนุ่มร่างกายแข็งแรง หน่วยก้านดีเข้ามาเป็นทหาร ได้รับเงินเดือนสูงกว่าหน่วยทหารอื่น มีการฝึกกระโดดร่มและให้เงินเพิ่ม

ต่อมาเมื่ออเมริกาเข้ามาในลาว ให้ความสนใจในกองพันพลร่มนี้เป็นพิเศษ มีการสนับสนุนงบประมาณให้ไปฝึกการรบจู่โจมในประเทศไทย ทั้งนี้และทั้งนั้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการปราบคอมมิวนิสต์

คืนวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2503 ช่วงค่ำ ร้อยโทเดือน รองผู้บังคับการกองพันราบอากาศที่ 2 นำกำลังเคลื่อนเข้ากรุงเวียงจันทน์อย่างเงียบๆ

ร้อยเอกสิริวัน ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ และร้อยเอกคำล้อม ผู้บังคับการกองพันยานเกราะ ซึ่งเป็นกำลังรบที่สำคัญ 3 หน่วยในนครเวียงจันทน์ ต้องการยึดอำนาจ ขับไล่รัฐบาล

แกนนำ คือ ร้อยเอกกองแล ผบ.พันทหารราบอากาศ ร้อยโทเดือน สุนนะลาด รอง ผบ.พัน และร้อยตรีเทียบ ลิดทิเดด สมทบด้วยสารวัตรทหารและทหารอีกส่วนจากค่าย “จินายโม้” รวมกำลังพลประมาณ 800 นาย

พลังจาก 3 หน่วยหลัก คือ กองพันทหารพลร่ม กองพันทหารปืนใหญ่ กองพันยานเกราะ ผบ.หน่วยทั้งหมดเคยตกลงกันมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะ “ยึดอำนาจ” แต่ก็ยังไม่ค่อยไว้ใจกันนัก ยังกลัวการทรยศ-หักหลัง

ทหารของหน่วยรัฐประหารผูกผ้าพันคอสีแดงกระจายไปทั่วเวียงจันทน์ กำลังหน่วยพลร่มพุ่งไปที่บ้านพักพลตรีสุนทอน ปะถมวง นายทหารลาวคนแรกที่ได้รับยศสูงถึงขั้นนายพล และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ทหารผ้าพันคอแดงเปิดฉากซัลโวกับทหารยามหน้าบ้าน ทหารผ้าพันคอแดงตายไป 3 คน และทหารยามหน้าบ้านตายไป 6 คน ผบ.ทหารสูงสุดถูกนำตัวไปคุมไว้ที่กองบัญชาการรัฐประหาร

(โดยโครงสร้าง…ผบ.ทหารสูงสุดของลาว คือ ผู้มีอำนาจจริง)

รุ่งเช้า นครเวียงจันทน์ ตกอยู่ในความควบคุมของร้อยเอกหนุ่มวัย 27 ปีอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ทหารพลร่มหน่วยนี้เคยไปเผชิญกับวิกฤตต่างๆ มาโชกโชน เป็นหน่วยกำลังรบที่ฝ่ายการเมืองไว้ใจที่สุดจึงให้ “รักษาพระนคร” ที่ตั้งหน่วยห่างออกไปจากเมืองหลวงราว 18 กิโลเมตร

เป็นที่รู้กันแบบขำๆ ว่า…หน่วยรักษาเมืองหลวง มักจะเป็นหน่วยที่ยึดเมืองหลวงก่อนเสมอ

กองแล เป็นนายทหารร่างเล็ก พูดจาโผงผาง ได้รับการฝึกเป็นทหารพลร่มจากกองทัพสหรัฐเป็นผู้ปกครองประเทศลาว ประกาศทางวิทยุให้ชาวลาวทราบว่า… “คณะปฏิวัติได้เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลสมสะหนิดไว้เรียบร้อยแล้ว และเรียกร้องให้ลาวหยุดรบลาว”

หน่วยข่าวลับ CIA ของอเมริกาและ KGB ของรัสเซีย ที่เข้าไปทำสงครามลับในลาวต่างมึนตึ้บ….ไม่ระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน เช็กข่าวกันให้วุ่น เพราะ CIA ก็สนับสนุน และ KGB ก็สนับสนุนให้ร้อยเอกกองแลทำงานเพื่อฝ่ายตน

มวลชนในเวียงจันทน์ให้การสนับสนุน แต่ทหารลาวในภาคใต้ ไม่ยอมฟังคำสั่งร้อยเอกกองแล

ทหารปิดล้อมสภา ประกาศให้เจ้าสมสะหนิดลาออกจากนายกฯ และตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” มีเจ้าสุวันนะพูมา เป็นนายกฯ และกินิม พนเสนา (ฝ่ายเป็นกลาง) เป็น รมว.มหาดไทย

ไม่จบง่ายๆ เหมือนที่คิด

นายพลพูมี หน่อสะหวัน ผู้นำทหารลาวฝ่ายขวา เจ้าบุนอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ นายพลพูมี หน่อสะหวัน ไม่ยินยอม …เตรียมการยึดอำนาจคืนจากรัฐบาลเจ้าสุวันนะพูมา โดยตั้งกองบัญชาการอยู่ที่เมืองสะหวันนะเขตโดยอเมริกาและรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ให้การสนับสนุน

การยึดอำนาจในลาว…กระทบถึงไทยแน่นอน ไม่ทราบว่ากองแลจะหันไปสนับสนุนฝ่ายใดในลาว…

ปลายปี พ.ศ.2503 จอมพล สฤษดิ์อนุญาตให้นายพลพูมีเคลื่อนกำลังจากสะหวันนะเขต ผ่าน จ.นครพนม และ จ.หนองคาย ข้ามแม่น้ำโขงเข้าโจมตีกองกำลังทหารของร้อยเอกกองแล

พ.ศ.2504 กองกำลังเวียดมินห์รุกเข้าทางตอนเหนือของลาว

5 เมษายน พ.ศ.2504 นายพลพูมี รองนายกรัฐมนตรีลาว ร้องขอความช่วยเหลือไทย พลตรี จอห์นสัน หัวหน้าหน่วย JUSMAGTHAI เข้าพบเสนาธิการทหารบกไทย ขอให้ส่งหน่วยทหารปืนใหญ่ และ ตชด.ของไทย จำนวนหนึ่งที่ CIA มาฝึกให้ เข้าร่วมปฏิบัติการยึดกรุงเวียงจันทน์ ร่วมกับกองกำลังนายพลพูมี

18 เมษายน พ.ศ.2504 จอมพล สฤษดิ์อนุมัติให้กองทัพบกส่ง 2 กองร้อยทหารปืนใหญ่ขนาด 105 มม. เข้าไปในลาวแบบ “ลับที่สุด” มีรหัสว่า Star Shine หรือ SS รวม 2 ผลัด

สงครามดุเดือด …ต่อมาพัฒนาเป็นหน่วยทหารปืนใหญ่ในชื่อใหม่ว่า ร้อย ป.SR คือ Sun Rise รวม 9 ผลัด… ร้อย ป. SR ประกอบด้วย ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง 4 กระบอก และปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้งขนาด 155 มม. 4 กระบอก อาวุธกระสุนทั้งหมดอเมริกาจัดให้ทหารไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2507-2512

พื้นที่ปฏิบัติการ คือ เมืองสุย ทางทิศตะวันตกของทุ่งไหหิน

(พ.ศ.2505 ร้อยเอก สนอง ทองเล็ก บิดาของผู้เขียน ที่เป็นทหารพลร่มจากลพบุรี และนายทหาร นายสิบอีกหลายนาย ก็เดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แบบเร่งด่วนในลาว)

กำลังของเจ้าสุวันนะพูมาเพลี่ยงพล้ำ นำคณะรัฐมนตรีลี้ภัยไปอยู่ในเขมร ส่วนกินิม พนเสนา บินไปฮานอย ขอความช่วยเหลือจากโซเวียตให้ส่งปืนใหญ่ และน้ำมันมาช่วยทหารของร้อยเอกกองแลรบกับทหารของนายพลพูมี

กรุงเวียงจันทน์กลายเป็นสนามรบดุเดือดของทหารลาวกันเอง

รบกัน 3 วัน 3 คืน กองแล นำกำลังร่นถอยไปทางเมืองโพนโฮง ซึ่งมีกำลังฝ่ายขบวนการปะเทดลาว คอยปกป้องอยู่ ทหารของนายพลพูมียึดกรุงเวียงจันทน์คืนมาได้ และตั้งรัฐบาลใหม่ ที่มีสหรัฐและไทยให้การรับรอง

อเมริกาใช้ CIA เข้ามาทำสงครามแบบ “จัดเต็ม”

ร้อยเอกหนุ่มเผยความในใจว่า “ต้องการความเป็นกลาง” ของชาติ ต้องการหยุด “ลาวฆ่าลาว” โดยเฉพาะฝ่ายขวาที่ให้มหาอำนาจเข้ามาบงการทำสงคราม ต้องการกำจัดข้าราชการและผู้บังคับหน่วยทหารที่ฉกฉวยขี้โกง รัฐบาลลาวไม่มีเงินเดือนจ่ายทหาร (เงินทะลักมาจากอเมริกา)

การรบติดพันไปตั้งมั่นที่ทุ่งไหหิน ร้อยเอกกองแลแต่งตั้งตัวเองเป็น พลตรีกองแล เป็นผู้บัญชาการทหารฝ่ายลาวเป็นกลาง และเป็นแนวร่วมกับ “แนวลาวฮักชาติ” (ฝ่ายซ้าย)

หลายปีต่อมานายพลกองแลเดินทางไปเยือนสหภาพโซเวียตและจีน รวมถึงมาเป็นแขกพิเศษของกองทัพไทย ปี พ.ศ.2506

ผู้เขียนที่ยังเป็นเด็ก พอจำได้ว่า เรื่องของร้อยเอกกองแลที่ยึดอำนาจเป็นเรื่องที่โด่งดังในหนังสือพิมพ์ วิทยุ เพราะชื่อแปลก จำง่าย ในวงสนทนาของนายทหารทั้งหลาย จะพูดถึงการรบในลาวที่กำลังพลจากกองทัพบกเสียชีวิตต่อเนื่อง…

ช่วงปี พ.ศ.2516-2521 ผู้เขียนศึกษาใน ร.ร.จปร. นายทหารปกครองส่วนหนึ่งผ่านสงครามในลาว หลายท่านบาดเจ็บ น่าเคารพยิ่ง เมื่อท่านเล่าเรื่องการรบในลาว…มันเร้าใจยิ่งนัก

สงครามในลาว ซับซ้อนด้วยการบงการของมหาอำนาจ เงินตราและตัวละคร ที่ยากจะเรียบเรียงให้เข้าใจ ย้ายขั้ว ย้ายข้างกันตลอด

สงครามในลาว ไปเชื่อมโยงกับสงครามในเวียดนามแบบจมลึก สหรัฐสูญเสียเด็กหนุ่มไปในสงครามเวียดนามราว 58,000 คนในเวลา 10 ปี จบลงด้วยการถอนทหารสหรัฐออกไปจากภูมิภาค รวมทั้งไทย

ประวัติศาสตร์อเมริกาบันทึกว่า อเมริกานำระเบิดไปทิ้งในลาวมากที่สุด มากกว่าใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนหนึ่งบินขึ้นจากสนามบินในไทย (พ.ศ.2566 สหรัฐยังคงให้เงินเก็บกู้ระเบิดในลาวที่เรียกว่า UXO …ยังไม่จบ)

มีนักรบจากไทยไปร่วมรบในลาว ที่เรียกว่านักรบนิรนาม 333 หมุนเวียนไปรบในลาวราว 4 หมื่นคน เสียชีวิตกว่า 2,000 นาย ถอนตัวออกมาเสร็จสิ้นเมื่อ พ.ศ.2512

พ.ศ.2512 ขบวนการปะเทดลาว (คอมมิวนิสต์) เข้ายึดครองแผ่นดินลาว ตั้งเป็น “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว”

สงครามในลาว มีคนตายไปกว่า 3 ล้านคน บางส่วน หนีมาไทย

17 มกราคม พ.ศ.2557 นายพลกองแล ที่ไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศสเสียชีวิตขณะอายุได้ 80 ปี

นายทหารไทย กำลังพลจากไทยที่เป็นพลเรือนที่ไปรบในลาวส่วนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ เขียนหนังสือ เล่าเรื่องให้ลูกหลานทราบอย่างสง่าผ่าเผย เอกสารของอเมริกาเปิดเผยทุกเรื่อง ลองติดตามนะครับ…

พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image