ดร.ณัฎฐ์ เตือนผลโพลสื่อ ชี้ 2 พรรคคว้า ส.ส. 300 ที่นั่ง เข้าข่ายชี้นำ ผิด กม.เลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์” นักกฎหมายมหาชน กล่าวกรณี “เนชั่นโพล” ครั้งที่ 2 ชี้ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ผงาด ส.ส.รวมเกิน 300 เสียง “ขั้วอนุรักษนิยม” แพ้ราบคาบว่า ก่อนอื่นจะอธิบายข้อกฎหมายให้ความรู้แก่ประชาชน คำว่า ก่อนเลือกตั้ง หมายความรวมถึงวันเลือกตั้งล่วงหน้าในราชอาณาจักรไทย ห้ามเผยแพร่โพลก่อนเลือกตั้ง 7 วัน รวมถึงก่อนเลือกตั้งล่วงหน้าด้วย กกต.ได้กำหนดวันเลือกตั้ง วันที่ 7 พฤษภาคม ดังนั้น ภายหลังวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป ห้ามเผยแพร่โพลทุกสำนัก โดยกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 72 เปิดช่องให้สำนักโพลต่างๆ จัดทำ Poll ได้ สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ภายใต้หลักเกณฑ์ 3 ข้อ ดังนี้ (1) เจตนาโดยสุจริต (2) ไม่มีลักษณะการชี้นำ และ (3) ต้องทำตามเงื่อนไขเรื่องการเผยแพร่โพล คือ ห้ามเผยแพร่โพลก่อนเลือกตั้ง 7 วัน รวมถึงก่อนเลือกตั้งล่วงหน้าด้วย

ดร.ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า การที่เนชั่นโพลเปิดผลโพลเหลืออีก 2 วันเลือกตั้งล่วงหน้า ต้องถามว่าสำนักโพลนี้อ่านกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ส่อแสดงเจตนาถึงไม่สุจริต การชี้นำประชาชนหรือไม่ อย่างไร เพราะอยู่ในช่วงห้ามเปิดเผยผลโพลทุกสำนัก โดยเฉพาะสำนักเนชั่นโพล ส่อให้เห็นการแสดงเจตนาชี้นำประชาชนโดยไม่สุจริต น่าจะมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อ ให้แชร์ข่าวนี้ ให้ถึง กกต.ให้จัดการโพลสำนักนี้ ที่สำคัญเอาตัวเลขมาจากไหน 300 กว่า ให้บวกลบคูณหาร อย่างไร เป็นเพียงสร้างกระแส คะแนนไม่มี อย่าลืมว่าอำนาจอยู่ที่ปลายปากกาของประชาชน ทุกคนหนึ่งเสียงเท่ากัน หากผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคการเมืองใดได้รับความเสียหายจากสำนักโพลนี้ หลังเลือกตั้งภายใน 30 วัน ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปกินกาแฟกับ กกต. เพราะเผยแพร่ผลโพลโดยไม่สุจริต มาตรา 72 มีโทษตามมาตรา 157 แห่งกฎหมายเลือกตั้ง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดร.ณัฐวุฒิกล่าวว่า ตั้งข้อสังเกตว่า หากการสำรวจความคิดเห็น โดยมีเจตนาไม่สุจริตหรือไม่ หรือเอาใจจากผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อชี้นำประชาชน เพื่อให้ประชนหลงผิดในคะแนนนิยม สรุปค่าผลวิจัยหรือผลโพลผิดไปจากความเป็นจริง ไม่เป็นอิสระตามหลักวิชาการ อันส่อแสดงถึงเจตนาไม่สุจริต มีพฤติกรรม ลักษณะเป็นการชี้นำประชาชนจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครบางคน หรือพรรคการเมืองบางพรรค จะมีโทษหนัก ตามมาตรา 73(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 มีบทลงโทษหนัก ตามมาตรา 159 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดยี่สิบปี โดยให้ศาลจ่ายสินบนนำจับไม่เกินกึ่งหนึ่งจากจำนวนค่าปรับแก่ผู้แจ้งความนำจับด้วย

ส่วนที่ว่าทีมทำโพล “เนชั่นโพลเลือกตั้ง 66” ได้สรุปผลสำรวจ ครั้งที่ 2 เป็นการสำรวจห่างจากเนชั่นโพลรอบแรก สองสัปดาห์ จำนวนตัวอย่างมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ จำนวน 114,457 ตัวอย่าง แบ่งเป็น กทม.จำนวน 36,243 ตัวอย่าง และภูมิภาค 78,214 ตัวอย่าง ด้วยการลงพื้นที่สำรวจ เป็นรูปแบบการสำรวจที่น่าเชื่อถือที่สุด ของประวัติศาสตร์การสำรวจหรือทำโพล และผลโพลเป็นประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองต่างๆ ในการปรับยุทธศาสตร์ ช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วันก่อนเลือกตั้ง ดร.ณัฐวุฒิกล่าวว่า ประเด็นที่สงสัยในแบบสอบถามตั้งคำถามชี้นำ ทำให้ค่าวิจัยเปลี่ยนแปลง ไม่มีความน่าเชื่อถือ พี่น้องประชาชนอย่าไปเชื่อ ทั้งมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมายเพราะห้ามเปิดเผยผลโพลก่อนวันเลือกตั้ง รวมถึงวันที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าด้วย เจตนาเพื่อชี้นำประชาชน ไม่ต่างจากสำนักโพลแห่งหนึ่ง ให้สังเกตตัวเลข ส.ส.แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โพลไม่ต่างจากหมอเดา ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อ ให้เชื่อมั่นในปลายปากกาของประชาชน ที่กำหนดทิศทางของประเทศ จะเห็นว่า พรรคหนึ่ง อดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนีคำพิพากษาไปต่างประเทศ ส่วนอีกพรรคหนึ่ง เคยมีข้อเสนอยกเลิกมาตรา 112 พอจับได้ไล่ทัน บอกว่าจะแก้มาตรา 112 กระทบต่อภัยความมั่นคง แล้วจะให้ปกครองประเทศอย่างไร ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร ปากบอกว่า ประชาธิปไตย แต่ประชาชนตั้งคำถาม กลับจะฟ้องประชาชนอย่าไปกลัว ฟ้องมาให้ฟ้องกลับ เอาตัวขึ้นศาลให้ได้ยิ่งกว่าเผด็จการทหาร

ADVERTISMENT

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image