จับตาประชุม กนง.วันนี้ ตลาดคาดค่าบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าเร็ว-แรง หากมติเสียงแตกคงดอกเบี้ย
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.67 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.50-35.65 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และประเมินกรอบเงินบาทในช่วง 35.40-35.75 บาท/ดอลลาร์ หลังทยอยรับรู้ผลการประชุม กนง.
นายพูนกล่าวว่า โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 35.51-35.69 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการทยอยย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดล่าสุด ยังคงทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนพฤษภาคมและเฟดอาจลดดอกเบี้ยราว 5 ครั้ง ในปีนี้ นอกจากนี้ การย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้ส่งผลให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากโซนแนวรับระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเรามองว่า กนง. อาจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ทว่าควรจับตาการปรับเปลี่ยนมุมมองของ กนง. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น และการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ (ถ้ามี)
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึง ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ในช่วงนี้ได้
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม กนง. ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ใกล้โซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากที่เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนก่อนหน้า ทว่า เงินบาทก็อาจพอแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากบรรยากาศในตลาดการเงินเอเชีย ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งต้องจับตาว่า ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หรือ ไม่ โดยภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินจีนก็จะช่วยหนุนให้เงินหยวนจีน (CNY) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ส่งผลดีต่อสกุลเงินฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินที่เศรษฐกิจมีความเชื่อมโยงกับจีนสูง อย่าง ค่าเงินบาท
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม กนง. (ในช่วง 14.00 น. เป็นต้นไป) โดยเราประเมินว่า ค่าเงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าเร็วและแรง หาก กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ย (มีคณะกรรมการบางท่าน เห็นควรให้ลดดอกเบี้ย -25bps) หรือ กนง. มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจน พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งอาจต้องเห็นการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยให้แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่นกัน
โดยเบื้องต้น ประเมินว่า ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 35.70-35.75 บาทต่อดอลลาร์ และหากผู้เล่นในตลาดประเมินว่า การทยอยลดดอกเบี้ยของ กนง. หากเกิดขึ้น จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ก็อาจเห็นการกลับเข้าซื้อหุ้นไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท หรือ อาจหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าแถวโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ หรือทดสอบแนวรับถัดไป 35.30 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน
“ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง”นายพูนกล่าว