โบรกเข้มเสนอขายตั๋วบี/อี ขอสินทรัพย์ค้ำประกัน ตรวจเงินสด เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน(บี/อี) ของบริษัทเอกชนกว่า 4 รายที่ผ่านมานั้น แม้บางส่วนจะผิดนัดชำระทางเทคนิคคือไม่มีผู้มีอำนาจลงนาม หรือเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้บริหาร ทำให้อันเดอร์ไรท์เตอร์ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายหลายแห่งเริ่มเพิ่มความเข้มงวดในการเสนอขายตั๋วบี/อีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการเรียกหลักทรัพย์ในการค้ำประกันมากกว่ามูลค่าตั๋วบี/อีที่ออก เช่น ที่ดิน โรงงาน เครื่องจักร มาจดจำนอง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนผู้ที่จะถือตั๋วบี/อี

ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจโบรกเกอร์นั้นแม้จะมีกระแสข่าวว่ามีบริษัทหลักทรัพย์เตรียมเปิดใหม่อีก 2-3 แห่ง ที่จะเข้ามาทำตลาดแข่งขันด้านค่าธรรมเนียมนั้น ในส่วนของบริษัทจะลงไปแข่งด้านราคาที่บริษัทรับได้ และเน้นขยายกลุ่มลูกค้าพร้อมให้บริการไปพร้อมกันพร้อมทั้งตั้งเป้ารักษามาร์เก็ตแชร์ไว้ที่ระดับ 2.7% รวมทั้งจะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเพื่อให้ภาพลักษณ์กลับมาดีขึ้น จากปี 2558 ที่บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนมากที่สุดในอุตสาหกรรม และมีปัญหาเรื่องการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ในปี 2559 เอเซีย พลัสเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำอันเดอร์ไรเตอร์หุ้นกู้มากที่สุดโดยเป็นอันเดอร์ไรเตอร์หุ้นกู้ ที่จดทะเบียนในตลาดตราสารหนี้ มูลค่าราว 2.3หมื่นล้านบาท เทียบกับหุ้นกู้ทั้งหมดที่มีมูลค่ารวม 5.7 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ หากนับรวมตราสารหนี้ ทั้งที่ขึ้นทะเบียนและไม่ได้ขึ้นทะเบียนในสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยแล้ว เอเซีย พลัสเป็นอันเดอร์ไรเตอร์ตราสารหนี้ทั้งหมดมูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ 4 หมื่นล้านบาท และตั๋วบี/อี 8 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนของตั๋วบี/อี ปีที่ผ่านมาออกกันมาก เนื่องจากเอกชนต้องการเงินไปใช้ขยายธุรกิจ และการออกทำได้รวดเร็ว รวมทั้งเป็นการกระจายการระดมทุนที่นอกเหนือจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ทำให้เอกชนหันมาใช้การออกตั๋วบี/อีควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเช่าซื้อ

Advertisement

สำหรับแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในปี 2560 นี้ เชื่อว่ายังเติบโตสูง จากความต้องการระดมทุนของภาคเอกชนที่มีมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเอเซีย พลัสประเมินว่าจีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 3.5% ในปีนี้ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนน่าจะฟื้นตัว หลังจากที่ภาครัฐนำร่องการลงทุนไปแล้ว และออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เอกชนลงทุนด้วย ส่วนความกังวลเรื่องตั๋วบี/อี นั้นปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นอยู่ในวงจำกัด เชื่อว่าไม่กระทบภาพรวมของตลาด และบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นอันเดอร์ไร์เตอร์มีขั้นตอนการพิจารณาที่เข้มงวดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน นโยบายของผู้บริหาร กระแสเงินสด และแนวโน้มธุรกิจ เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image