เมื่อวันที่ 28 มกราคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และผู้บัญชาการเหตุการณ์ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรณีอุทกภัยภาคใต้ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สธ.(Emergency Operations Center: EOC) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินฯ ได้รับรายงานพบผู้ป่วยโรคฉี่หนูในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งโรคนี้พบได้ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังแฉะ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคฉี่หนูที่ปะปนอยู่ในน้ำขังและในโคลนมากขึ้น ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 – วันที่ 27 มกราคม 2560 พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูในพื้นที่ภาคใต้แล้ว 126 คน เสียชีวิต 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการอีก 2 ราย ในพื้นที่ จ.ตรัง และ จ.กระบี่ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (Surveillance and Rapid Response Team: SRRT) ดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคในพื้นที่เสี่ยง และได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด (สสจ.) เร่งประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางสื่อสารให้ความรู้ในการป้องกันโรคแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพราะโรคนี้มียารักษา แต่ต้องได้รับการรักษาที่รวดเร็ว
นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากโรคฉี่หนู หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะแอ่งน้ำขังเล็กๆ หรือในดินโคลนที่ประชาชนสัมผัส ในช่วงทำความสะอาดบ้าน เนื่องจากปริมาณเชื้อฉี่หนูจะมีความเข้มข้นสูง ผู้ที่มีบาดแผลหรือมีรอยถลอกที่บริเวณเท้าขาและมือจะเพิ่มความเสี่ยงสูงมาก เพราะมีช่องทางที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย หากมีความจำเป็นต้องเดินลุย ควรสวมรองเท้าบู๊ท หรือถุงพลาสติกสะอาดที่หาได้ในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำหรือดิน สวมถุงมือยาง รวมทั้งป้องกันสิ่งของมีคมทิ่มแทง และให้รีบชำระล้างทำความสะอาดหลังเดินย่ำน้ำย่ำโคลนแล้ว
“โรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในไตของหนูทุกชนิด เชื้อจะออกมากับปัสสาวะปนเปื้อนอยู่ในดินโคลนที่ชื้นแฉะ หรืออยู่ในแอ่งน้ำขังเล็กๆ เชื้อมีชีวิตได้นานหลายวัน ติดต่อสู่คนโดยไชเข้าทางบาดแผลหรือรอยถลอก รวมทั้งผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน หากเดินลุยน้ำท่วมขังแล้วมีไข้ ปวดเมื่อยร่างกาย อาจร่วมกับอาการปวดศีรษะ ตาแดง ปัสสาวะสีเข้ม มีโอกาสป่วยจากโรคฉี่หนู ขอให้รีบพบแพทย์ทันทีพร้อมบอกประวัติ การเดินลุยน้ำ ลุยโคลน หากมีข้อสงสัย โทร.1422” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
