นายวัชรา เหมรัชตานันต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (กฟผ.อินเตอร์ฯ) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของ บริษัทในปี 2559 ว่า บริษัทได้รับเงินปันผลจำนวนกว่าสำหรับโครงการลงทุนซื้อหุ้นเหมืองถ่านหิน อะดาโร อินโดนีเซีย(เอไอ) จำนวนกว่า 400 ล้านบาท ในประเทศอินโดนีเซียนั้น มากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ และยังมีเงินปันผลในส่วนที่เหลือที่จะจ่ายในเดือนพฤษภาคม 2560 อีกครั้ง ดังนั้นการตัดสินใจลงทุนเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ จึงเป็นการตัดสินใจเข้าลงทุนในจังหวะที่เหมาะสมส่งผลให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น
นายวัชรากล่าวถึงแผนการดำเนินงานระยะยาวของบริษัทในช่วง 10 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2560 – 2569 ว่า ตามแผนการดำเนินงานของบริษัทนั้นภายในปี 2569 บริษัทจะลงทุนต่อเนื่องเพื่อให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,700 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่กฟผ.อินเตอร์ฯร่วมลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเงี้ยบ 1 แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว กำลังการผลิตรวม 289 เมกะวัตต์ ขณะนี้ก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 60% และสามารถเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนดในต้นปี 2562 ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนงานประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกวางจิ 1 ใช้ถ่านหินนำเข้าเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม มีขนาดกำลังการผลิตรวม 1,320 เมกะวัตต์ ได้รับอนุมัติรายงานความเหมาะสมโครงการแล้ว คาดว่าสามารถเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2566-2567 และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำมายตง ในพม่า ซึ่งอยู่ระหว่างการทบทวนรายงานการศึกษาความเหมาะสม คาดว่าสามารถเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2569-2571 เมื่อรวมกำลังการผลิตแล้วคาดว่าภายในปี 2569 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 933 เมกะวัตต์ ซึ่งยังขาดอยู่อีก 767 เมกะวัตต์ จากเป้าหมายที่วางไว้ 1,700 เมกะวัตต์ ดังนั้นบริษัทจึงได้เริ่มเจรจาเบื้องต้นเพื่อแสวงหาโอกาสลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว เพื่อให้กำลังการผลิตรวมเป็นไปตามเป้าหมาย
