จังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เติบโต รวมทั้งเศรษฐกิจการค้ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉพาะด้านการท่องเที่ยว ปี 2567 จังหวัดภูเก็ตมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 4.9 แสนล้านบาท เป็นอันดับ 1 ใน 10 จังหวัดท่องเที่ยว ในทางกลับกันสิ่งที่ตามมาจากกิจกรรมการท่องเที่ยว และจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น คือ ปริมาณขยะมูลฝอย และจะกลายเป็นปัญหามลพิษ และสิ่งแวดล้อมตามมา ทำให้หน่วยงานระดับจังหวัด และท้องถิ่นร่วมกันวางแนวทางกำจัดขยะ เพื่อป้องกันปัญหาขยะล้นเกาะ
ล่าสุด นายเฉลิมพร ปิยณรงค์โรจน์ ปลัดเทศบาลนครภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานการประชุม “ฝ่าวิกฤตขยะบนเกาะภูเก็ต : รายงานสถานการณ์การบริหารจัดการศูนย์จังหวัดภูเก็ต” โดยมี นายยุทธนา กาญจนภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักช่าง เจ้าหน้าที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยรวมจังหวัดภูเก็ต สำนักช่าง เทศบาลนครภูเก็ต ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 19 แห่ง ในจังหวัด ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 15 สำนักงานท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ภูเก็ต ร่วมประชุม
ในการประชุมมีการชี้แจงสถานการณ์ปริมาณขยะ การบริหารจัดการขยะ และสภาพปัญหาของศูนย์กำจัดมูลฝอยรวมจังหวัดภูเก็ต และเทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งแต่ละวันมีปริมาณขยะส่งเข้ากำจัดที่ศูนย์ 1,100-1,200 ตัน ขณะที่เตาเผาขยะรองรับได้เพียง 700 ตัน/วัน (เต็มประสิทธิภาพ) ทำให้มีขยะส่วนเกินนำเข้าพื้นที่ฝังกลบเฉลี่ย 500 ตัน/วัน และกลายเป็นปริมาณขยะสะสมจำนวนมาก ทำให้กลิ่นรบกวนส่งผลกระทบต่อประชาชน ขณะเดียวกันมีโครงการสร้างเตาเผาขยะแห่งที่ 2 ขนาด 500 ตัน/วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2569
จากการหารือในการประชุมมี อปท.ร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกัน ในการดำเนินการ 3 เรื่อง คือ ให้ทุก อปท.ต้องลดปริมาณขยะของพื้นที่รับผิดชอบให้ได้ร้อยละ 30 ในช่วง 2-3 เดือน หรือถึงเดือนสิงหาคม, หากปริมาณขยะในภาพรวมที่ส่งเข้ามายังศูนย์กำจัดมูลฝอยรวมจังหวัดภูเก็ต ยังอยู่ที่ 1,100-1,200 ตัน/วัน ศูนย์จะกำหนดการรับปริมาณขยะเข้ากำจัดเพียง 700 ตัน/วัน ตามประสิทธิภาพของเตาเผา ส่วนขยะที่เหลือให้แต่ละ อปท.บริหารจัดการตนเอง
นายเฉลิมพรกล่าวว่า จะสรุปมติที่ประชุมเป็นหนังสือถึงสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต เพื่อรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกประชุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคประชาสังคม ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยว
เพื่อสะท้อนปัญหาวิกฤตขยะของจังหวัดภูเก็ตให้รัฐบาลรับทราบ และหามาตรการแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันปัญหาวิกฤตขยะ ที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในสายตานานาชาติทั่วโลก
