ครม.ไฟเขียว โครงการสร้างบัณฑิตและอาชีวะพันธุ์ใหม่ รมช.ศธ.โว เป็นการปฏิรูปอุดมศึกษา สร้างคนศักยภาพสูงรองรับ 10 อุตสาหกรรม ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ลั่น ต้องโละหลักสูตรล้าสมัย ไม่เอาบัณฑิตดาดๆ
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 24 เมษายน ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวภายหลังแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติงบประมาณกลางปีจำนวน 1,396 ล้านบาท เพื่อเริ่มโครงการสร้างบัณฑิตและอาชีวะพันธุ์ใหม่ที่เสนอโดยกระทรวงศธ. โดยเป็นโครงการเร่งด่วน ระยะเวลา 5 ปี ตั้งเป้าเมื่อจบโครงการจะผลิตคนได้จำนวน 115,626 คน
นพ.คชินทร กล่าวว่า โครงการสร้างบัณฑิตและอาชีวะพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ 3 ประการ คือ
1.เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และโครงการไทยแลนด์ 4.0
2.ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศที่ขาดแคลนช่างฝีมือ ช่างที่มีทักษะชั้นสูง รวมถึงวิศวกรด้านต่างๆ โดยเฉพาะช่างอุตสาหกรรม ช่างเทคนิคซึ่งตอบสนองต่อ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
3.ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากที่ผ่านมา ได้รับเสียงสะท้อนจากภาคอุตสาหกรรมว่าภาครัฐผลิตบุคลากรไม่ตรงตามความต้องการของตลาด
ดังนั้น มหาวิทยาลัยและสถาบันอาชีวะต้องปรับหลักสูตร ปรับกระบวนการเรียนการสอน โดยสิ่งสำคัญคือต้องจัดให้มีการเรียนในสถานที่จริงอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของเวลาเรียน เพื่อให้สามารถทำงานได้จริงกับภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ตั้งเป้าจะดำเนินการโครงการภายในปีการศึกษานี้ คือ ภายในเดือน พฤษภาคม 2561
นพ.คชินทร กล่าวว่า ขณะนี้มี 20 มหาวิทยาลัยที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาสู่โครงการ รวม 235 หลักสูตร แบ่งเป็นหลักสูตร non-degree หมายถึงเป็นการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพเป็นระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี จำนวน 119 หลักสูตร โดยจะนำคนที่ทำงานอยู่แล้วที่ต้องการเพิ่มศักยภาพเพื่อให้มี Multi-skill ประมาณการว่าใน 3 ปีแรกจะสร้างกำลังคนได้ 51,999 คน โดยรัฐบาลมอบเงินรายหัวให้ หัวละ 60,000 บาท ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่ม degree หมายถึงกลุ่มที่ได้รับปริญญา จำนวน 116 หลักสูตร เมื่อจบโครงการจะทำให้เกิดบัณฑิตพันธุ์ใหม่จำนวน 56,078 คน เฉลี่ยเงินสนับสนุน 120,000-150,000 บาทต่อคนต่อปี ส่วนในระบบอาชีวะ จะสร้างคนได้ประมาณ 8,500 คนใน 5 ปี ซึ่งเหตุผลที่กระทรวงศธ.เสนอตัวเลขของระบบอาชีวะน้อยกว่าในระบบมหาวิทยาลัย เพราะจากสถิติพบว่าประเทศไทยมีสถาบันอาชีวะกว่า 400 วิทยาลัย แต่ที่มีมาตรฐานเข้าเกณฑ์เพียง 27 วิทยาลัย กระทรวงศธ.จึงต้องผลักดันให้อาชีวะปรับมาตรฐานให้เป็นระดับสูง ต้องสร้างคนที่มีสมรรถนะชั้นสูง และต้องปรับหลักสูตรใหม่ให้เป็นมาตรฐานสากล โดยยืนยันว่ากระทรวงศธ.จะไม่ประนีประนอมในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ในปีถัดไป งบประมาณในการดำเนินการโครงการนี้จะจัดอยู่ในงบประมาณปกติ ดังนั้น มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยอาชีวะจะต้องปรับแนวทางใหม่ กล่าวคือ หลักสูตรเดิมที่ไม่ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติจะต้องถูกลดปริมาณและงบประมาณ เพื่อเกลี่ยมาใช้ในโครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่
“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะต้องการสร้างบัณฑิตให้สอดรับกับความต้องการของตลาด ทำให้มหาลัยฯต้องปรับตัว ต้องตอบโจทย์ตลาดและยุทธศาสตร์ชาติให้ได้ เพื่อสร้างบัณฑิตที่ออกไปทำงานได้จริง ไม่ต้องฝึกงานใหม่ มีปัญญาที่จะออกไปสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่บัณฑิตดาดๆแบบเดิม หลักสูตรใดที่ล้าสมัยจะต้องลดลงหรือเปลี่ยนเป็นหลักสูตรใหม่ ถือเป็นการปฏิรูปอุดมศึกษาและอาชีวะศึกษาไปในตัวด้วย” คชินทรกล่าว