‘ตราไก่’ ฝรั่งเศส : แชมป์เก่าที่ต้องลบล้างอาถรรพ์ให้ได้
แชมป์เก่าจากฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้วอย่างฝรั่งเศส มีงานหนักอึ้งรออยู่ในการป้องกันแชมป์ เพราะว่าตลอด 60 ปีหลังสุดในฟุตบอลโลก ไม่เคยมีแชมป์เก่าทีมใดสามารถป้องกันแชมป์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทีมสุดท้ายที่สามารถป้องกันแชมป์ได้ ก็คือ “แซมบ้า” บราซิล ที่คว้าแชมป์ 2 สมัยติดในปี 1958 และ 1962 ในขณะที่ต้องบอกว่าช่วงหลังสถิติของแชมป์เก่าไม่สู้ดีเอาเสียเลย เพราะ 3 ครั้งหลังสุด แชมป์เก่าอย่าง อิตาลี (2006) สเปน (2010) และเยอรมนี (2018) ตกรอบแรกกันทั้งหมด
ฝรั่งเศสชุดนี้ยังคงนำทีมโดยดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือผู้พาทีมเข้าชิงยูโร 2016 และยังคว้าแชมป์โลกเมื่อ 4 ปีที่แล้วมาครอง โดยทีมชุดนี้มีการเปลี่ยนแปลงทีมอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าจะยังมีพวกจอมเก๋าอย่าง ฮูโก้ โยริส, อองตวน กรีซมันน์ หรือคีเลียน เอ็มบัปเป้ อยู่ แต่ก็สร้างดาวรุ่งเข้ามาเสริมได้ตลอด ทั้ง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, ออเรเรียง ชูอาเมนี่ หรือวิลเลี่ยม ซาลิบา เป็นต้น
อ่านต่อ
‘โคนม’ เดนมาร์ก : ‘ม้ามืด’ ตลอดกาลแห่งวงการลูกหนังโลก
ตูนิเซีย : พร้อมสร้างฝันที่ยิ่งใหญ่ในกาตาร์
‘ซอคเกอร์รูส์’ ออสเตรเลีย : ทีมที่มาพร้อมความ ‘ไม่’ คาดหวัง
นอกจากนี้ฝรั่งเศสชุดนี้ยังนำมาโดยกองหน้าผู้เป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ล่าสุดอย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ต้องบอกว่ากำลังอยู่ในช่วงที่ท็อปฟอร์มอย่างจริงจัง และการได้กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งหลังจากที่ถูกแบนไป 5 ปีครึ่ง เขากลับมาทำได้ถึง 10 ประตูจาก 16 นัดที่ลงเล่น แสดงให้เห็นเลยว่าเขามีความสำคัญกับทีมมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามปัญหาของฝรั่งเศสอยู่ที่อาถรรพ์แชมป์เก่าอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เพียงแต่โชคดีที่คู่แข่งในกลุ่มไม่ได้หนักหนาเกินฝีมือของพวกเขา คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “โคนม” เดนมาร์ก เพราะช่วงหลังเหมือนเป็นของแสลง ไม่ชนะมา 7 ปี และยังแพ้ 2 นัดในยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ปีนี้
แต่อย่างน้อยกับออสเตรเลียและตูนิเซีย คงไม่น่าทำให้แชมป์เก่าจอดป้ายแต่รอบแรกหรอกมั้ง??
โปรแกรมของทีมชาติฝรั่งเศส
21 พฤศจิกายน พบ ออสเตรเลีย ที่อัล จานูบ สเตเดียม เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 22 พฤศจิกายน)
26 พฤศจิกายน พบ เดนมาร์ก ที่สเตเดียม 974 เวลา 23.00 น.
30 พฤศจิกายน พบ ตูนิเซีย ที่เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม เวลา 22.00 น.
