‘ซอคเกอร์รูส์’ ออสเตรเลีย : ทีมที่มาพร้อมความ ‘ไม่’ คาดหวัง
นับตั้งแต่ที่พวกเขาโยกจากโซนโอเชียเนีย มาอยู่ในโซนเอเชีย ทำให้ “ซอคเกอร์รูส์” ออสเตรเลีย นั้นกลายเป็นทีมขาประจำของฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายไปโดยปริยาย
เพราะถ้านับจากครั้งแรกที่พวกเขาเคยคว้าตั๋วฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้ เมื่อปี 1974 ห่างจากครั้งต่อมาถึง 32 ปี ในปี 2006 ที่เยอรมนี (ครั้งนั้นยังอยู่ในโซนโอเชียเนีย) แต่หลังจากนั้นมาที่ย้ายมาโซนเอเชีย พวกเขาได้มาเล่นในรอบสุดท้ายเป็นหนที่ 5 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว
จริงๆ พวกเขาควรจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อย แต่กลับไปพลาดท่าใน 2 นัดสุดท้าย ที่แพ้ให้กับทั้งซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น จนตกไปเป็นอันดับ 3 และต้องไปเล่นเพลย์ออฟ แต่ก็ยังดีที่เอาชนะทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเปรู ในรอบเพลย์ออฟจนคว้าตั๋วมาได้ ทำให้ครั้งนี้มีทีมจากทวีปเอเชียมาร่วมถึง 6 ทีมด้วยกัน
ต้องบอกว่าหลังจากหมดยุคของ แฮร์รี่ คีเวลล์, ทิม เคฮิลล์ หรือไมล์ เยดินัก ไป ออสเตรเลียชุดนี้ก็แทบหาสตาร์เด่นไม่ได้เลย เกมของพวกเขาคงต้องหวังพึ่ง ไอดิน ฮรุสติช จอมทัพจากเฮลลาส เวโรน่า ที่ต้องทำงานร่วมกับทอม โรยิช จากเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
‘ตราไก่’ ฝรั่งเศส : แชมป์เก่าที่ต้องลบล้างอาถรรพ์ให้ได้
ตูนิเซีย : พร้อมสร้างฝันที่ยิ่งใหญ่ในกาตาร์
‘โคนม’ เดนมาร์ก : ‘ม้ามืด’ ตลอดกาลแห่งวงการลูกหนังโลก
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าตัวกุนซืออย่าง เกรแฮม อาร์โนลด์ ไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของแฟนบอลเท่าไหร่ แม้ว่าจะทำงานสำเร็จในการคว้าตั๋วมารอบสุดท้ายได้ แต่ผลงานที่่ผ่านมาทำให้แฟนบอลอยากเห็นเขาอำลาทีมไปมากกว่าที่จะมาคุมทีมลุยฟุตบอลโลกครั้งนี้
ทว่าการมาด้วยความที่ “ไม่” คาดหวังของแฟนบอล บางครั้งมันก็อาจจะทำได้ดีกว่าที่พวกเขาคาด เหมือนแบบที่ผ่านรอบเพลย์ออฟมาก็ได้
โปรแกรมของทีมชาติออสเตรเลีย
22 พฤศจิกายน พบ ฝรั่งเศส ที่อัล ยานูบ สเตเดียม เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 23 พฤศจิกายน)
26 พฤศจิกายน พบ ตูนิเซีย ที่อัล ยานูบ สเตเดียม เวลา 17.00 น.
30 พฤศจิกายน พบ เดนมาร์ก ที่อัล ยานูบ สเตเดียม เวลา 22.00 น.
