“สิงโตคำราม” อังกฤษ : ทีมยักษ์ใหญ่ผู้แบกความหวังของคนทั้งชาติ
ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ใดๆ เมื่อมาถึงรอบสุดท้าย ชื่อของ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ มักจะถูกวางอยู่ในลำดับต้นๆ ของทีมที่ต้องการอยากจะคว้าแชมป์ให้ได้ทุกครั้งไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ 2 ทัวร์นาเมนต์ล่าสุดในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการเข้าถึงรอบตัดเชือก ฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงเข้าชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 (ที่มาเตะปี 2021) เมื่อปีก่อน
ในขณะที่รอบคัดเลือกที่ผ่านมา พวกเขารักษาสถิติไม่แพ้ใครตลอด 10 เกมที่ลงเล่น โดยเป็นการชนะไปถึง 8 นัด และเสมอเพียงแค่ 2 นัด รวมถึงเกมรุกที่จัดจ้านทำไปถึง 39 ประตู ตกเฉลี่ยนัดละ 3.9 ประตูเลยทีเดียว ส่วนเกมรับก็เสียแค่ 3 ประตูเท่านั้น
เพียงแต่ทีมของเซาธ์เกตไปเสียรังวัดพอสมควรในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ที่ผ่านมา เมื่อลงเล่น 6 นัด ไม่ชนะใครเลย และมีอันต้องตกไปอยู่ในลีกบี ในการเล่นครั้งต่อไป ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าฟุตบอลโลก ที่กาตาร์ อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของกุนซือรายนี้หรือไม่
ซึ่งในฟุตบอลโลกหนนี้ ทีมสิงโตคำรามจะต้องมาเจอกับศึกสายเลือดอีกครั้ง เมื่อต้องมาพบกับ “มังกรแดง” เวลส์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ถูกจับมาเจอกันในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ รอบสุดท้าย หลังเคยอยู่กลุ่มเดียวกันเมื่อยูโร 2016 และครั้งนั้นเป็นอังกฤษที่เอาชนะไปได้
ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มอีก 2 ทีมนั้นก็คือ สหรัฐอเมริกา และ อิหร่าน ตัวแทนจากทวีปเอเชีย จะบอกว่าเป็นงานง่ายก็คงจะพูดไม่ได้เต็มปาก เพราะทีมอย่างอังกฤษ เคยแสดงให้เห็นหลายต่อหลายครั้งว่าพร้อมจะตกม้าตายได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทีมชาติอังกฤษชุดนี้ ต้องบอกว่ายังคงอยู่ในชุดยุคทอง ที่มีผู้เล่นระดับชั้นนำประดับทีมอยู่มามายหลายคน ไม่ว่าจะเป็นแฮร์รี่ เคน ที่ยังคงเป็นจอมถล่มประตูที่ไว้ใจได้เสมอ หรือ ฟิล โฟเด้น กับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ที่ถือว่าเป็นดาวรุ่งแห่งยุค
จากอันดับ 4 ฟุตบอลโลกหนก่อน มาถึงเป็นรองแชมป์ ยูโร 2020 มาถึงฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขาคงอยากไปให้ไกลอีกก้าวคือการเป็นแชมป์
แต่จะทำได้หรือไม่นั้น คงต้องไปดูกันอีกที
โปรแกรมของทีมชาติอังกฤษ
21 พฤศจิกายน พบ อิหร่าน ที่คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดียม เวลา 20.00 น.
25 พฤศจิกายน พบ สหรัฐ ที่อัล บายต์ สเตเดียม เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 26 พฤศจิกายน)
29 พฤศจิกายน พบ เวลส์ ที่อาหมัด บิน อาลี สเตเดียม เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 30 พฤศจิกายน)